ครัวเจ๊ง้อ
อาหารทั่วไป แนะนำร้านอาหาร

ครัวเจ๊ง้อ บุฟเฟ่ต์ร้านดังย่านกาญจนาภิเษก ที่บอกเลยว่าไม่ไปไม่ได้แล้ว เพราะนอกจากจะอร่อย ราคาไม่แพงอีกด้วย

      ครัวเจ๊ง้อ วันนี้เราไปรับประทานกันที่สาขาถนนกาญจนาภิเษก โดยเราเดินทางไปเส้นกาญจนา – บางแค ร้านครัวเจ๊ง้อจะอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อถึงร้าน ป.ออโต้ ให้ชิดซ้ายเพื่อเตรียมชิดซ้ายเข้าสู่ตัวร้าน ร้านครัวเจ๊ง้อสาขาถนนกาญจนาภิเษกจะอยู่เยื้องๆ กับสมาคมปักษ์ใต้ เมื่อเราเลี้ยวซ้ายก็เข้าสู่ลานจอดรถซึ่งเป็นลานโล่งไม่มีหลังคา เมื่อเราเลี้ยวรถเข้ามาจอด ทางร้านจะมีผ้าใบมากางหน้ากระจกรถเพื่อลดความร้อนจากแสงแดดที่มากระทบตัวรถ จากนั้นเราก็เข้าสู่ตัวร้านที่เป็นห้องแอร์บรรยากาศสบายๆ ด้านข้างร้านด้านนอกมีสไลด์เดอร์พลาสติกสำหรับเด็กๆ แต่ช่วงนี้ก็ยังไม่มีเด็กๆ เล่นกันมากนัก จากนั้นเราก็ไม่รอช้ารีบสั่งเมนูแรกซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่ออย่างหมี่กระเฉด

ครัวเจ๊ง้อ

ครัวเจ๊ง้อ ผัดหมี่กระเฉดเป็นเส้นหมี่สีส้ม ๆ เจ้าแรกของประเทศไทย

ครัวเจ๊ง้อ กาญจนาภิเษก

ซึ่งมีไม้ปักว่าเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย โดยหมี่กระเฉดจะเป็นเส้นหมี่สีส้มๆ ผัดกับผักกระเฉดและกุ้งตัวโต ๆ เพียงคำแรกที่เรารับประทานก็ซึมซาบถึงรสชาติที่แตกต่างระหว่างหมี่กระเฉดร้านครัวเจ๊ง้อกับร้านอื่นๆ และรสชาติที่อร่อยอย่างลงตัวนี้ทำให้เราทราบได้เลยว่าทำไมเมนูหมี่กระเฉดจึงเป็นเมนูในตำนานคู่ร้านครัวเจ๊ง้อมาได้จนถึงทุกวันนี้ สำหรับเมนูถัดมาคือเมนูผัดผักบุ้งฉีก เราต้องขอยอมรับก่อนเลยว่าสั่งเมนูนี้ไปเพราะชื่อเมนูนี้เอง ด้วยความอยากรู้ว่าผักบุ้งธรรมดานั้นมีความแตกต่างจากเมนูผักบุ้งฉีกอย่างไร เมื่อเมนูผัดผักบุ้งฉีกมาเสริฟ์ก็ทำให้เราทราบว่าจริง ๆ

ครัวเจ๊ง้อ บุฟเฟ่ต์

เมนูผักบุ้งฉีกก็คือเมนูผัดผักบุ้งที่นำผักบุ้งมาฉีกให้เป็นเส้นยาว ๆ ก่อนนำไปผัดนั่นเอง เป็นการผัดกับเต้าเจี้ยวและพริก มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว และการฉีกในลักษณะนี้ก็ทำให้ได้รสชาติของผักบุ้งที่เข้มข้น อาจเกิดจากผักบุ้งมีพื้นที่สัมผัสกับเครื่องปรุงอย่างทั่วถึง และตบท้ายด้วยเมนูของหวานอย่างเมนูเผือกหิมะ ซึ่งเป็นเมนูมงคลส่วนใหญ่จะเป็นขนมในงานแต่ง หารับประทานได้ยากมาก โดยเมนูนี้จะเป็นเผือกทอดเคลือบด้วยน้ำตาล รสชาติหอมหวานลงตัว ส่วนของชิ้นเผือกก็กรอบนอก นุ่มใน ไม่อมน้ำมัน ร้านครัวเจ๊ง้อยังมีเมนูที่น่าสนใจให้เลือกรับประทานกันอีกหลากหลายเมนู เพื่อนๆ อย่าลืมไปลิ้มรสชาติแต่ละเมนูในสาขาใกล้ๆ บ้านของเพื่อนๆ กัน

 รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และ ผัดไทย อาหารที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ ทั้งรสชาติอร่อยแถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย

ปลาทูต้มอ้อย
อาหารทั่วไป อาหารไทย

ปลาทูต้มอ้อย เปลี่ยนเมนูทะเลรสเค็มให้เป็นรสหวานได้ง่าย ๆ แถมยังอร่อยอีกด้วย

ปลาทูต้มอ้อย โดยทั่วไปแล้วเราคงเคยเห็นปลาทูกันตามท้องตลาด แต่บางเข่งก็มีลักษณะลำตัวที่ยาว บางเข่งก็มีลำตัวที่สั้น
ซึ่งนั่นแหละค่ะ คือชนิดของปลาทูบ้านเรา เพราะปลาทูมี 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ปลาทูสั้นก็คือปลาทูแม่กลอง สังเกตได้จากหน้าเป็นสามเหลี่ยมงอ ๆ ลำตัวสั้น เนื้อจะนิ่ม และปลาทูยาว จะมีชื่อเรียกกันหลายชื่อ เช่น ปลาลัง ปลายาว ปลาอินโด ซึ่งจะยาวกว่าปลาทูแม่กลอง

ปลาทูต้มอ้อย

ปลาทูต้มอ้อย พร้อมทำหรือยังเอ่ย ? ถ้าพร้อมแล้วไปเตรียมวัตถุดิบกันเลย

วัตถุดิบสำหรับทำปลาทูต้มอ้อย โดยวัตถุดิบที่เราจะนำมาทำปลาทูต้ม ปลาทูสด จะใช้แบบยาว หรือสั้นก็ได้ค่ะ จำนวน 2 กิโลกรัม อ้อย นำมาหั่นท่อนเป็น 8 ท่อน กระเทียมใช้แค่จำนวน 1 หัว หอมเล็ก พริก 8 เม็ด รากผักชี 4 ราก ขิงหั่นแว่น 5 แว่น พริกไทยเม็ด 2 ช้อนชา น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ถ้วยตวง น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง น้ำมะขามเปียก 2/3 ถ้วยตวง น้ำเปล่า 7 ถ้วยตวง ผักชีซอย เตรียมไว้สำหรับโรยหน้า หอมแดงซอยพริกขี้หนูซอย มะนาวผ่าซีก

เมนูปลาทูต้มอ้อย

ขั้นตอนการทำปลาทูต้มอ้อย จะเริ่มจาก นำหม้อมาวางไว้ จากนั้นทำการเรียงอ้อยให้เต็มก้นหม้อ วางปลาทูเรียงสลับไปทีละตัวจนเต็มหม้อ ตั้งกระทะใส่น้ำตาลปิ๊บลงไป เคี่ยวเรื่อย ๆ รอจนกว่าน้ำตาลปี๊บในกระทะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ปรุงรสด้วยน้ำปลาและเพิ่มรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก  เติมน้ำเปล่าลงไป คนให้เข้ากัน ราดส่วนผสมที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลปี๊บในขั้นตอนที่ 3 ลงบนตัวปลา ใส่กระเทียม พริก หอมแดง ขิง พริกไทย และรากผักชี ลงไป ปิดฝาหม้อยกขึ้นเตานำไปนึ่ง เมื่อสุกแล้ว ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี จัดจานด้วยมะนาว และพริกซอย เพิ่มสีสันให้น่าทาน

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ปลาทูต้มอ้อย แต่ข้อแนะนำสำหรับคนที่ชอบกลิ่นหอม ให้นำใบเตยมาหั่นแล้วนำไปต้มกับเครื่องปรุง หรือ นำไปนึ่งพร้อมกับวัตถุดิบต่าง ๆ ในหม้อ เมื่อสุกก็จะได้กลิ่นที่หอม และรสชาติที่หวานอร่อยเลยทีเดียว

 รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และวิธีทำอาหาร ความแตกต่างระหว่าง อาหารเช้าแบบอเมริกัน กับอาหารเช้าแบบยุโรป ที่ทำเองได้ง่าย ๆ

ช่างชุ่ย
แนะนำร้านอาหาร

ตามล่าหาของกิน เมนูเด็ด ๆ กับร้านอาหารที่ ช่างชุ่ย ย่านบางพลัด หากใครยังไม่เคยไปต้องไปลองให้ได้

            ช่างชุ่ย สถานที่ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ในย่านบางพลัดที่ต้องบอกเลยว่าหากใครยังไม่เคยไปต้องไปลองให้ได้แล้วสักครั้ง นอกจากจะมีมุมสวย ๆให้ถ่ายรูปมากมายแล้ว ยังมีร้านอาหารเด็ด ๆ เยอะจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว บทความเกี่ยวกับอาหารนี้จึงจะพาไปตามล่าของกินเด็ด ๆกับร้านอาหารที่ช่างชุ่ย ถ้าพร้อมแล้วตามบทความนี้ไปตามล่าของกินกันเลย

4 ร้านแนะนำที่ ช่างชุ่ย บอกเลยต้องห้ามพลาดเด็ดขาดกับบรรยากาศดี ๆ และอาหารอร่อย

ช่างชุ่ยBAANBUAY Restaurant

            ที่แรกที่บทความนี้จะพาไปตามล่าของกินเด็ด ๆกับร้านอาหารที่ช่างชุ่ยก็คือ “BAANBUAY Restaurant” แค่ชื่อก็มีความเก๋ไก๋แบบสุด ๆ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารไทยทั่ว ๆไป แต่มีบรรยากาศเหมือนนั่งรับประทานอยู่ในบ้าน นอกจากนี้ยังมีมุมต่าง ๆบริเวณโดยรอบร้านให้ถ่ายรูปอีกมากมาย และมีจุดเด่นอยู่ที่เมนูกุ้งที่นำกุ้งแม่น้ำมาทำจึงมีความสด ใหม่ และตัวใหญ่สะใจอย่างแน่นอน

ช่างชุ่ยKUB MEUK

            “KUB MEUK” ร้านอาหารในช่างชุ่ยอีกร้านหนึ่งที่มีความนิยมเป็นอย่างมาก ผู้ที่ชอบรับประทานปลาหมึกไม่ควรพลาดที่จะไปตามล่าของกินเด็ด ๆที่ร้านอาหารแห่งนี้ โดยจุดเด่นของร้านอาหารแห่งนี้คือการนำเอาปลาหมึก Size ใหญ่มาหมักด้วยสูตรลับเฉพาะ และย่างด้วยไฟที่กำลังพอดี จึงทำให้เนื้อของปลาหมึกนั้นไม่เหม็นคาว และมีความนุ่มกำลังดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีข้าวสวยร้อน ๆไว้รับประทานคู่กันกับปลาหมึกย่างสูตรพิเศษอีกด้วย

ช่างชุ่ยLounge Kai

            “Lounge Kai” เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ช่างชุ่ยที่ไม่ควรพลาดที่จะไปตามล่าของกินเด็ด ๆ โดยไก่ที่ร้านแห่งนี้มีความพิเศษเป็นอย่างมาก ด้วยการหมักไก่สูตรลับเฉพาะ และการทอดไก่อย่างมืออาชีพ จึงทำให้ไก่ทอดที่ร้านอาหารแห่งนี้มีความกรอบนอก และนุ่มในลงตัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว หากใครได้แวะมาท่องเที่ยวที่ช่างชุ่ยต้องไม่พลาดแวะมาที่ร้านอาหารแห่งนี้ รับรองว่าคุณจะติดใจอย่างแน่นอน

ช่างชุ่ย

            “HUGKAN Café” ร้านอาหารเหนือที่ช่างชุ่ยที่คุณต้องมาลองสักครั้ง บอกเลยว่าไม่ว่าจะบรรยากาศหรืออาหารนั้นก็จะต้องถูกใจคุณอย่างแน่นอน โดยเมนูแนะนำที่คุณไม่ควรพลาดคือ ไส้อั่ว homemade และลาบคั่วเหนือ ซึ่งรสชาตินั้นมีความใกล้เคียงกับสูตรดั้งเดิมเป็นอย่างมาก และมั่นใจได้กับความสะอาดของไส้อั่ว เพราะทางร้านอาหารทำเองทั้งหมดตั้งแต่ขั้นตอนแรก จึงมั่นใจได้ว่าจะสะอาด และปลอดสารกันบูดอย่างแน่นอน

รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และวิธีทำอาหาร อาหารเพื่อสุขภาพ ของเราได้ที่นี่

Café จังหวัดน่าน
อาหารทั่วไป แนะนำร้านอาหาร

Café จังหวัดน่าน ที่จะทำให้คุณหลงรัก นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว บรรยากาศยังดีมาก ๆ อีกด้วย

Café จังหวัดน่าน เมื่อนึกถึงสถานที่ ๆให้ความรู้สึกผ่อนคลายคงเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นจังหวัดที่เหมาะแก่การหลีกหนีความวุ่นวายไปพักผ่อนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้วก็ยังมี Café อีกมากมายในจังหวัดน่านที่เหมาะแก่การพักผ่อน และมีบรรยากาศที่ชวนให้คุณหลงรัก บทความเกี่ยวกับอาหารนี้จึงจะมาแนะนำ Café จังหวัดน่านที่จะทำให้คุณหลงรักกับบรรยากาศของความผ่อนคลาย จะเป็น Café ไหนบ้างตามบทความนี้ไปดูกันเลย

Café จังหวัดน่าน

แนะนำ 3 Café จังหวัดน่าน ที่บอกเลยว่า ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด !!

Café เมืองน่าน

Café จังหวัดน่านที่จะทำให้คุณหลงรัก “Café สุดกองดี” รับรองว่าคุณจะต้องหลงรัก Café แห่งนี้หากได้ลองเข้ามาสักครั้ง ด้วยตัว Café ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศความเป็นธรรมชาติที่จังหวัดน่าน ทำให้สามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำจังหวัดน่านได้อย่างชัดเจน จึงทำให้ผู้ที่มาที่ Café แห่งนี้รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมี Bakery และเครื่องดื่มรสชาติยอดเยี่ยมที่พร้อมเสิร์ฟด้วยความใส่ใจ และในช่วงเย็น ๆนั้นยังเปิดเป็นบาร์เล็ก ๆมีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย

Café ร้านอร่อยเมืองน่าน

เฮือนฮังต่อ กาแฟน่าน” Café รูปแบบบ้านที่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตของชาวจังหวัดน่าน นอกจากนี้ยังได้ความรู้สึกสบาย ๆผ่อนคลายเหมือนนั่งจิบกาแฟอยู่ในบ้านของตนเองอีกด้วย และเมื่อเดินออกมาบริเวณระเบียงของหน้าบ้านก็จะพบกับสระน้ำขนาดเล็กที่ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้กับ Café ในบ้านหลังนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว ในส่วนของ Bakery นั้นก็มีความพิเศษตรงที่เป็น Bakery ที่ทาง Café ทำเองทั้งหมดวันต่อวัน จึงมั่นใจในเรื่องของรสชาติ และความสด ใหม่ได้อย่างแน่นอน รับรองได้เลยว่าหากคุณได้มาที่ Café แห่งนี้สักครั้งจะทำให้คุณหลงรัก และอยากกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

ร้านดีจังหวัดน่าน

            “อุ่นไอมาง Café” คุณจะต้องหลงรักกับบรรยากาศที่สุดแสนจะธรรมชาติที่ Café แห่งนี้ เพราะที่ Café แห่งนี้สามารถที่จะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของจังหวัดน่านได้อย่างกว้างขวาง และพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็น ได้มองทิวเขาที่สวยงามพร้อมกับจิบกาแฟ จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นอกจากนี้คุณสามารถที่จะลิ้มรสชาติของอาหารพื้นเมืองของชาวจังหวัดน่านได้ที่ Café แห่งนี้อีกด้วย นอกจากจะหลงรักบรรยากาศความเป็นธรรมชาติแล้ว คุณจะต้องหลงรักในรสชาติของอาหารพื้นเมืองของจังหวัดน่านอย่างแน่นอน

 รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และ Café ริมน้ำ เมืองแปดริ้วดีต่อใจ ที่บรรยากาศธรรมชาติ สุด ๆ ไม่ไปไม่ได้แล้ว

ขนมปังหน้าต่าง ๆ
เคล็ดลับการทำอาหาร แนะนำร้านอาหาร

3 เมนูอาหาร ขนมปังหน้าต่าง ๆ ที่บอกเลยว่าน่าสนใจมาก ๆ ทั้งอร่อยและอิ่มท้องอีกด้วย

          ขนมปังหน้าต่าง ๆ ถ้าหากพูดถึงเรื่องของเมนูอาหารที่มีความแปลกใหม่แบะมีความไม่เหมือนใครแต่เชื่อว่าถ้าใครได้ลองชิมจะต้องติดใจมาก ๆ กับการผสมผสานเมนูอาหารจากขนมปังให้เป็นเมนูอาหารจานพิเศษ วันนี้แอดอยากที่จะมาแนะนำ 3 เมนูอาหารขนมปังหน้าต่าง ๆ ที่บอกเลยว่าน่าสนใจอร่อยและอิ่มท้องด้วย บอกเลยว่าห้ามพลาด

ขนมปังหน้าต่าง ๆ

มาดู 3 เมนู ขนมปังหน้าต่าง ๆ ที่มาแนะนำกันวันนี้ จะมีอะไรบ้าง ?

ขนมปังหน้าหมู

เมนูอาหารขนมปังหน้าต่าง ๆ ที่บอกเลยว่าน่าสนใจทำทานง่าย ๆ ได้ที่บ้านอีกด้วย เมนูแรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ขนมปังหน้าหมู ที่บอกเลยว่าเป็นเมนูอาหารทานเล่นที่สามารถทานได้แบบฟิน ๆ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ หมูสับ ขนมปังโฮลวีท ไข่ไก่ เครื่องปรุงรสชาติต่าง ๆ
กระเทียมเพิ่มในเรื่องของความหอม ออริกาโน่ ผักชี วิธีทำก็ส่งแสนจะง่าย เรานำหมูที่เราเตรียมมากหมักให้เรียบร้อย ปรุงรสชาติตามความชอบ เรียบร้อยแล้วนำหมูที่เราหมักมาลงบนขนมปัง จากนั้นทาไข่แดงเล็กน้อย นำเข้าเตาอบด้วยไฟกลาง จนกว่าจะสุกเหลืองหอม เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยพร้อมทาน

ขนมปังหน้าพิซซ่าแฮมชีส

เมนูอาหารขนมปังหน้าต่าง ๆ ที่บอกเลยว่าน่าสนใจทำทานง่าย ๆ ได้ที่บ้านอีกด้วย เมนูที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ขนมปังหน้าพิซซ่าแฮมชีส เป็นอีกเมนูอาหารที่น่าสนใจมาก ๆ สิ่งที่ต้องเตรียมก็ไม่มากมีแค่ขนมปังแผ่น แฮม แครอท ถั่วลันเตา เม็ดข้าวโพด มอสซาเรลล่าชีสที่ขูดเรียบร้อยแล้ว วิธีทำก็คือวางส่วนผสมทั้งหมดลงที่ขนมปัง จากนั้นทำการโรยด้วยชีส เรียบร้อยแล้วนำเข้าเตาอบ พร้อมทาน

ขนมปังหน้าพิซซ่าไข่นกกระทา

เมนูอาหารขนมปังหน้าต่าง ๆ ที่บอกเลยว่าน่าสนใจทำทานง่าย ๆ ได้ที่บ้านอีกด้วย เมนูที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ ขนมปังหน้าพิซซ่าไข่นกกระทา เป็นอีกเมนูอาหารง่าย ๆ สิ่งที่ต้องเตรียม คือ ขนมปัง ปูอัด ไส้กรอก ชีส ซอสมะเขือเทศ ไข่นกกระทา สัปปะรด วิธีทำก็สุดแสนจะง่ายเพียงแค่ ทำการวางส่วนผสมทุกอย่างนั้นไว้บนขนมปังที่เราได้ทำการเตรียมไว้ จากนั้นนำไปอบหรือใครจะใส่ไมโครเวฟก็ได้ ให้เหลืองน่าทาน สุดทานก้เรียบร้อยพร้อมทาน         

          ทั้งหมดก็เป็นเมนูอาหารแบบขนมปังหน้าต่าง ๆ ที่บอกเลยว่าน่าทานและทำง่ายแบบสุด ๆ ใครที่ได้ทำทานในวันว่าง ๆ รับรองว่าติดใจมาก ๆ แน่นอน

 รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และวิธีทำอาหาร ความแตกต่างระหว่าง อาหารเช้าแบบอเมริกัน กับอาหารเช้าแบบยุโรป ที่ทำเองได้ง่าย ๆ

ขาหมูต้มพะโล้
อาหารรสเด็ด อาหารไทย

ขาหมูต้มพะโล้ ด้วยหม้อแรงดัน เมนูโปรดของหลาย ๆ คน เพราะทั้งอร่อยแล้วยังมีกลิ่นหอมน่าชวนรับประทาน

            ขาหมูต้มพะโล้ คงเป็นเมนูโปรดของเด็กๆ รวมถึงคุณผู้ใหญ่ในหลายๆ ครัวเรือน ด้วยเนื้อขาหมูที่นุ่มละมุนลิ้นพร้อมละลายในปาก และน้ำพะโล้ที่หอมหวนรวมถึงรสชาติที่กลมกล่อมสามารถตักราดข้าวรับประทานได้เลย ยิ่งรับประทานร้อนๆ ด้วยแล้วรสชาติยิ่งทวีความอร่อยเข้าไปอีก หรือในหลายๆ ครัวเรือนก็มีน้ำจิ้มรสเด็ดสำหรับรับประทานคู่เมนูขาหมูกันอีกด้วย สำหรับวันนี้เราก็จะมาแนะนำกรรมวิธีการทำเมนูขาหมูต้มพะโล้แสนอร่อยด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างหม้อแรงดันกัน ซึ่งในส่วนการใช้หม้อแรงดันโดยทั่วไปแล้วรสชาติจะไม่เข้าเนื้อ หรือ กลิ่นรส เปลี่ยนไป วันนี้เราจะมาเผยเคล็ดลับที่ช่วยตัดปัญหาดังกล่าวออกไปทั้งหมดกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปดูกรรมวิธีการทำพร้อมๆ กันเลย

วัตถุดิบสำหรับเมนู ขาหมูต้มพะโล้ มีอะไรกันบ้าง ?

1.ขาหมู ปริมาณ 900 กรัม หรือ 9 ขีด

2.ผงพะโล้สำเร็จรูป ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ

3.น้ำสะอาด

4.น้ำตาลมะพร้าว ปริมาณ 5 ช้อนโต๊ะ

5.รากผักชี ปริมาณ 3 ราก

6.น้ำมันหอย ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ

7.ซีอิ้วขาว ปริมาณ 3 ช้อนชา

8.แครอท ปริมาณ ครึ่งหัว

9.ผักกาดดอง ปริมาณ 3 ใบ

วัตถุดิบสำหรับทำน้ำจิ้มรสเด็ด

1.พริกชี้ฟ้าสีแดง ปริมาณ 5 เม็ด

2.น้ำตาลทราย ปริมาณ 2 ช้อนชา

3.น้ำส้มสายชู ปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ

4.ซีอิ้วดำ ปริมาณ 1 ช้อนชา

อุปกรณ์

1.หม้อแรงดัน ยี่ห้อ Otto รุ่น PC-225

2.กระทะ

3.ตะหลิว

4.มีด

5.เขียง

กรรมวิธีการทำเมนูขาหมูต้มพะโล้

1.นำขาหมูมาล้างให้สะอาด จากนั้นตั้งให้สะเด็ดน้ำ

2.นำผงพะโล้สำเร็จรูปมา 1 ช้อนโต๊ะ พร้อมน้ำสะอาดปริมาณเล็กน้อยใส่ลงกระทะตั้งไฟกลางๆ คนจนละลาย จากนั้นใส่ขาหมูลงไปในกระทะ คั่วโดยใช้เวลาประมาณ 6 นาที จากนั้นปิดไฟ

ขาหมูต้มพะโล้

3.นำขาหมูขึ้นจากกระทะ (ตักเฉพาะขาหมู ส่วนน้ำพะโล้ยังคงไว้ในกระทะต่อ) ใส่ลงหม้อแรงดัน ยี่ห้อ Otto รุ่น PC-225

4.ส่วนน้ำในกระทะอย่าพึ่งล้างก่อน ให้นำน้ำตาลมะพร้าว 5 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงไปในกระทะที่มีน้ำพะโล้อยู่ จากนั้นใช้ไฟกลางอีกเหมือนเดิม จนน้ำตาลมะพร้าวจะเริ่มหลอม เติมน้ำสะอาดลงไปอีกเล็กน้อย เพื่อละลายน้ำตาลมะพร้าว ตั้งไฟกลางต่ออีกประมาณ 4 นาที ก็ปิดไฟ

5.เทน้ำพะโล้ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมะพร้าวลงไปในหม้อแรงดัน ยี่ห้อ Otto รุ่น PC-225

6.นำรากผักชี 3 ราก มาล้างให้สะอาด ตั้งจนสะเด็ดน้ำ แล้วใส่ใน

หม้อแรงดัน ยี่ห้อ Otto รุ่น PC-225

7.ทำการปรุงรสโดยเติมเครื่องปรุง อันประกอบด้วยน้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ และ ซีอิ้วขาว 3 ช้อนชา

8.เติมน้ำสะอาดลงในหม้อแรงดัน ยี่ห้อ Otto รุ่น PC-225 ปริมาณให้พอท่วมขาหมู จากนั้นปิดล็อคฝา แต่ไม่ต้องปิดรูระบายความดัน ตั้งเวลาไว้ที่ 15 นาที 15 วินาที แล้วเปิดไฟ

9.เมื่อครบเวลา อย่าพึ่งรีบเปิดฝาหม้อ ให้เปิดปุ่มระบายความดันก่อนว่ามีอะไรไหมเผื่อมีความดันมันคั่งค้างจะได้ปลอดภัย

10.จากนั้นตั้งไฟอีกรอบหนึ่ง ครั้งนี้ปิดรูระบายความดันด้วย เพื่อให้ความดันในหม้อสูงขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น รอบนี้ตั้งเวลาไว้ 45 นาที 45 วินาที รอจนครบเวลาที่ตั้งไว้

11.นำแครอทมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแครอทออกแล้วหั่นตามขวางปริมาณครึ่งหัว แล้วใส่ในหม้อแรงดัน ยี่ห้อ Otto รุ่น PC-225 ที่ครบเวลาในส่วนขาหมูแล้ว

12.นำผักกาดดอง 3 ใบใส่หม้อแรงดัน ยี่ห้อ Otto รุ่น PC-225 พร้อมแครอท แล้วปิดฝา จากนั้นเปิดไฟ ตั้งเวลาที่ 4 นาที 40 วินาที

13.จากนั้นตักขาหมูออกจากหม้อใส่จานเตรียมเสริฟ์ พร้อมตกแต่งด้วยแครอท ส่วนผักกาดดองให้นำมาซอยก่อนใส่จาน

เป็นอันเสร็จ

กรรมวิธีสำหรับทำน้ำจิ้มรสเด็ด

1.นำพริกชี้ฟ้าสีแดง 5 เม็ด มาล้างให้สะอาด เด็ดขั้วพริกออก จากนั้นหั่นตามขวาง แล้วใส่ถ้วยสำหรับทำน้ำจิ้มไว้

2.เติมน้ำตาลทราย ปริมาณ 2 ช้อนชา, น้ำส้มสายชู ปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ และซีอิ้วดำ ปริมาณ 1 ช้อนชา กวนผสมให้เข้ากัน (ความเข้ากันให้สังเกตที่น้ำตาลละลายหมด) เป็นอันเสร็จ เพียงเท่านี้ทุกท่านก็จะได้น้ำจิ้มรสเด็ดรับประทานคู่กับขาหมูต้มพะโล้กัน

รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และวิธีทำอาหาร พะโล้ขาหมูเผาแห้ง เมนูที่ทุกคนอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่รับรองได้ว่าอร่อยสมคำล่ำลือ

ผัดไทย
อาหารทั่วไป อาหารรสเด็ด อาหารไทย

ผัดไทย อาหารที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ ทั้งรสชาติอร่อยแถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย

               ผัดไทย เป็นอาหารประจำชาติของไทย มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ให้ความสนใจ คนต่างชาติก็เช่นเดียวกันที่ให้ความสนใจและชื่นชอบเมนูอาหารเส้นชนิดนี้ สามารถหาทานได้ทั่วไป ตั้งแต่รถเข็น ร้านริมทาง ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า โรงแรมบางแห่ง และยังสามารถทำทานได้เองที่บ้านอีกด้วย

ที่มาของเมนู ผัดไทย ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบ ว่าผัดไทยมีวัฒนธรรมมาจากไหน

               ผัดไทย เป็นเมนูอาหารเส้นที่ได้รับวัฒนธรรมมาจากประเทศจีน แต่เดิมเป็นก๋วยเตี๋ยวผัด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2481 จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในสมัยนั้นท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านรณรงค์ให้ประชาชนหันมานิยมทานเส้นก๋วยเตี๋ยวแทนข้าว เพื่อเป็นการลดการทานข้าวในประเทศ เมนูอาหารนี้ก็กลายมาเป็นก๋วยเตี๋ยวผัดไทย หลังจากนั้น ปี พ.ศ. 2485 จากก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ก็กลายมาเป็น ผัดไทย

               ความโดดเด่นของผัดไทย คือ น้ำซอส ที่มีรสชาติเข้มข้น มีหลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นรสหวาน รสเปรี้ยว และรสเค็ม ก่อนผัดจะต้องเคี่ยวน้ำซอสก่อน ส่วนผสมในการเคี่ยวน้ำซอส ได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา น้ำมะขามเปียกและพริกป่น ลำดับถัดมา ก่อนผัดเส้น จะต้องทอดเต้าหู้ให้สุกเหลือง ตามด้วยไชโป้วเค็มสับ หอมแดง เติมน้ำเล็กน้อย ใส่เส้นเล็กหรือเส้นจันทน์ลงไปในกระทะ ใช้มุมตะหลิวคน เติมน้ำซอสที่เคี่ยวเสร็จแล้วลงไป นำมาผัดกับไข่ ถั่วงอก กุยช่าย โรยด้วยกุ้งแห้ง

               ผัดไทยเป็นเมนูอาหารเส้นจานเดียว ทั้งคนไทยและคนต่างชาตินิยมทานและชื่นชอบ ไม่เพียงแค่อาหารจานนี้เท่านั้น ยังมีเมนูอาหารจานอื่นๆ อีกที่เป็นที่นิยม ปัจจุบันมีการนำวัตถุดิบอื่นๆ ที่สดและใหม่มาประยุกต์ผัดเข้าด้วยกัน และมีชื่ออาหารใหม่เกิดขึ้น ร้านอาหารบางร้านจะใช้กุ้งสดแทนกุ้งแห้ง  เรียกชื่ออาหารนี้ว่า ผัดไทยกุ้งสด เป็นต้น บางร้านอาจจะมีการนำเนื้อหมูใส่ลงไปด้วยเล็กน้อยเป็นการประยุกต์อาหารให้เกิดความแปลกใหม่และน่าทานมากยิ่งขึ้น

 รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และวิธีทำอาหาร เสนอเมนู กุ้งผัดกระเทียม ยังได้รับประโยชน์จากกระเทียมอีกด้วย

Café ริมน้ำ
อาหารทั่วไป

Café ริมน้ำ เมืองแปดริ้วดีต่อใจ ที่บรรยากาศธรรมชาติ สุด ๆ ไม่ไปไม่ได้แล้ว

            Café ริมน้ำ หรือร้านอาหารที่มีบรรยากาศริมน้ำ และกำลังวางแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งไม่ไกลจากจังหวัดกรุงเทพมากนัก ก็ไม่ควรที่จะพลาดบทความเกี่ยวกับอาหารนี้ที่จะมาแนะนำ Café ริมน้ำเมืองแปดริ้วดีต่อใจไม่ไปไม่ได้แล้ว รับรองเลยว่าหากได้ลองแวะไปสักครั้งจะดีต่อใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

3 Café ริมน้ำ ที่คุณไม่ควรพลาด กับอาหารหลักร้อยแต่บรรยากาศหลักล้าน

Café ริมน้ำ

            “RiverBreeze Café” หากคุณได้มีโอกาสแวะไปไหว้พระขอพรที่วัดสมานรัตนารามก็ไม่ควรพลาดที่จะมาแวะที่ Café แห่งนี้ เพราะอยู่ใกล้กับวัดสมานรัตนารามเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น บอกเลยว่าอาหารหลักร้อยแต่บรรยากาศหลักล้าน คุ้มค่าแบบสุด ๆเลยทีเดียว และที่สำคัญก็คือ คุณสามารถที่จะมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างชัดเจนที่ Café แห่งนี้อีกด้วย และหากคุณได้แวะมาที่ Café แห่งนี้ก็ไม่ควรพลาดที่จะสั่งเมนูขนมหวานยอดนิยมอย่าง เค้กมะพร้าว ซึ่งมีความหอมมะพร้าว นุ่มละมุน เป็นอีกหนึ่งของดีเมืองแปดริ้วเลยก็ว่าได้

Café ริมน้ำ

            Café ริมน้ำเมืองแปดริ้วดีต่อใจไม่ไปไม่ได้แล้วที่ “NAVA House Café” Café สีขาวโดดเด่นริมแม่น้ำบางปะกงที่เมืองแปดริ้ว ตัว Café ออกแบบเป็นกระจกรอบทั้ง 4 ด้าน ไม่ว่าคุณจะนั่งโซนไหนก็สามารถที่จะมองเห็นวิวแม่น้ำบางปะกงได้อย่างชัดเจน

หากใครที่ต้องการจะนั่งแอร์เย็น ๆพร้อมกับชมวิวริมแม่น้ำไปด้วยต้องที่ Café แห่งนี้เลย และเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดสั่งมารับประทานพร้อมกับชมวิวที่สวยงามริมน้ำเมืองแปดริ้วก็คือ Blueberry Smoothie ที่นอกจากจะดีต่อใจแล้วยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย

Café ริมน้ำ

            “Red Cat Café” สมกับชื่อของ Café เป็นอย่างมาก เพราะจุดเด่นของ Café แห่งนี้ก็คือ ตุ๊กตาแมวสีแดง ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของ Café ไม่ว่าใครที่ผ่านไปผ่านมาก็จะต้องเห็นเด่นชัดมาแต่ไกล และที่ทำให้ Café แห่งนี้ดีต่อใจไม่ไปไม่ได้แล้วก็คือ วิวริมแม่น้ำบางปะกงที่สามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดที่ Café แห่งนี้ บอกเลยว่าหากได้มาท่องเที่ยวที่เมืองแปดริ้วไม่ควรพลาดที่จะมาแวะพักที่ Café แห่งนี้ รับรองเลยว่าดีต่อใจไม่แพ้ที่ไหน ๆแน่นอน หากอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศริมแม่น้ำที่เมืองแปดริ้วแห่งนี้ก็สามารถตามพิกัดไปได้ที่ตลาด 100 ปี จังหวัดฉะเชิงเทรา

 รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และวิธีทำอาหาร อาหารเช้า ยอดนิยม ทำง่าย อร่อยได้ในเช้าที่เรียนและทำงาน ที่สุดจะง่ายไปกับเรา

กุ้งผัดกระเทียม
อาหารทั่วไป อาหารรสเด็ด

เสนอเมนู กุ้งผัดกระเทียม อาหารที่หลาย ๆ คนชื่นชอบเพราะนอกจากอร่อยแล้ว ยังได้รับประโยชน์จากกระเทียมอีกด้วย

           กุ้งผัดกระเทียม เอาใจสายกุ้งกันด้วยเมนูกุ้งผัดกระเทียม เมนูที่ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างแต่อร่อยล้ำ แถมเป็นเมนูที่รับประทานได้ทั้งครอบครัวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยในวันนี้เราจะปรุงรสกลางๆ ให้เด็กๆ ในครอบครัวสามารถรับประทานได้เป็นหลัก แต่เราก็จะเผยเคล็ดลับที่หากท่านผู้อ่านจะปรุงเฉพาะให้เหล่าสายแซ่บรับประทานกัน แถมเมนูนี้ยังเป็นเมนูที่ช่วยเรื่องเลือดลมซึ่งเป็นคุณประโยชน์จากวัตถุดิบหลักอย่างกระเทียมอีกด้วย เรียกได้เลยว่าได้ทั้งคุณค่าทางโภชนาการและความอร่อยล้ำ เราไปดูกรรมวิธีการทำพร้อมๆ กันเลย

กุ้งผัดกระเทียม

วิธีทำ และวัตถุดิบที่ใช้ทำเมนู กุ้งผัดกระเทียม ที่สามารถทำทานเองได้ง่าย ๆ

1.กุ้ง ปริมาณ 300 กรัม หรือ 3 ขีด

2.กระเทียม ปริมาณ 15 – 20 กลีบ

3.พริกขี้หนู ปริมาณ 5 – 10 เม็ด

4.น้ำสะอาด ปริมาณเล็กน้อย

5.น้ำมันพืช ปริมาณเล็กน้อย

6.น้ำตาล ปริมาณ 1 ช้อนชา

7.น้ำปลาปริมาณ 1/2 ช้อนชา

8.ซอสพริก ปริมาณ 1 ช้อนชา

กุ้งผัดกระเทียม

อุปกรณ์

1.มีด

2.เขียง

3.กระทะ

4.ตะหลิว

5.จานสำหรับพัก

กรรมวิธีการทำ

1.นำกุ้งมาล้างให้สะอาด จากนั้นปอกเปลือกกุ้งออกให้หมด แล้วหั่นกุ้ง 1 ตัว ออกเป็น 3 ท่อน วางใส่จานพักไว้

2.นำกระเทียม 15 – 20 กลีบมาแกะเปลือกออกให้หมด แล้วล้างให้สะอาด ตั้งให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นหั่นกระเทียม 1 กลีบ ออกเป็น 4 – 5 ท่อน วางใส่จานพักไว้

3.นำพริกขี้หนูมาล้างน้ำให้สะอาด เด็ดขั้วพริกออก แล้วตั้งจนสะเด็ดน้ำ วางใส่จานพักไว้ (ในขั้นตอนนี้หากต้องการเพิ่มความแซ่บให้ทุบ และหั่นพริกด้วย)

4.นำกระทะตั้งไฟ เมื่อร้อนได้ที่ใส่น้ำมันพืชลงไป รอจนน้ำมันพืชร้อนได้ที่ใส่กระเทียมลงไปผัด จนเหลืองหอม จากนั้นเติมกุ้งลงไปผัดต่อจนกุ้งใกล้สุก เติมน้ำสะอาดลงไปเล็กน้อย (ส่วนนี้เพื่อเพิ่มน้ำราดให้กับเด็กๆ)

กุ้งผัดกระเทียม

5.ทำการปรุงรสโดยเติมน้ำตาล ปริมาณ 1 ช้อนชา, น้ำปลาปริมาณ 1/2 ช้อนชา และ ซอสพริก ปริมาณ 1 ช้อนชา จากนั้นผัดคลุกเคล้าจนเข้ากัน

6.เติมพริกขี้หนู 5 – 10 เม็ดลงไปในกระทะ ผัดจนสุกทั่วกันหมด ตักใส่จานเสริฟ์พร้อมข้าวร้อนๆ สามารถรับประทานได้ทั้งส่วนที่เป็นเนื้อและส่วนที่เป็นน้ำราด

 รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด  และวิธีทำอาหาร อาหารเร่งด่วน ที่สามารถทำทานได้ง่าย ๆ เป็นอาหารที่ทำได้แค่ไมโคเวฟเครื่องเดียวเท่านั้น ที่สุดจะง่ายไปกับเรา

พะโล้ขาหมูเผาแห้ง
อาหารทั่วไป

พะโล้ขาหมูเผาแห้ง เมนูที่ทุกคนอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่รับรองได้ว่าอร่อยสมคำล่ำลือ

               พะโล้ขาหมูเผาแห้ง แค่ชื่อเมนูก็นำมาซึ่งความสับสนสำหรับคุณผู้อ่านแล้ว เผาจนแห้ง หรือ พะโล้แห้งกันแน่นะ เราขอเฉลยในส่วนนี้กันก่อนเลยว่าเป็นพะโล้แห้ง นั่นคือ เราจะตักแต่ชิ้นขาหมูเผาในน้ำพะโล้มารับประทานกัน สำหรับเมนูนี้เราจะไม่ตักเสริฟ์พร้อมน้ำต้มพะโล้แต่อย่างใด ส่วนขาหมูเผาเราก็ไม่ได้ทำการเผาเองเพียงแต่ซื้อขาหมูที่เผาแล้วมาจากห้างสรรพสินค้า เพียงเท่านี้ก็สามารถเฉลยความงงงวยในเบื้องต้นของท่านผู้อ่านกันได้แล้ว เรามาร่วมกันทำเมนูพะโลขาหมูเผาแห้งสุดพิเศษนี้กันเลย

พะโล้ขาหมูเผาแห้ง

วิธีทำ และวัตถุดิบที่ใช้ทำเมนู พะโล้ขาหมูเผาแห้ง แสนอร่อย

1.ขาหมูเผา น้ำหนักประมาณ 2 ขีด หรือ 200 กรัม

2.น้ำสะอาด

3.เครื่องแกงพะโล้

4.ซีอิ้วขาว ปริมาณ 1/3 ช้อนชา

5.ซีอิ้วดำ ปริมาณ 1/4 ช้อนชา

6.เกลือ ปริมาณเล็กน้อย

พะโล้ขาหมูเผาแห้ง

7.น้ำตาล ปริมาณ 4 – 5 ช้อนชา

8.คะน้า ปริมาณ 2 ก้าน

9.แครอท ปริมาณ 1 ชิ้น

10.ผักกาดดอง ปริมาณ 1 กำมือ

11.พริก ปริมาณ 4 – 5 เม็ด

12.กระเทียมไทย ปริมาณ 2 – 3 กรีบ

อุปกรณ์

1.หม้อทอดไร้น้ำมัน

2.ที่คีบ

3.หม้อแบบมีฝาปิดสำหรับตั้งไฟ

4.จวัก

กรรมวิธีการทำ

1.นำขาหมูใส่หม้อทอดไร้น้ำมันตั้งอุณหภูมิที่ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที

2.คีบขาหมูเผาออกจากหม้อทอดไร้น้ำมันมาใส่หม้อแบบมีฝาปิดสำหรับตั้งไฟ

พะโล้ขาหมูเผาแห้ง

3.ใส่น้ำสะอาดให้ท่วมขาหมูเผา แล้วใส่เครื่องแกงพะโล้ลงไปปิดฝา ต้มต่อจนเดือด

4.เมื่อเดือดแล้วให้ลดไฟลง เป็นไฟอ่อนสุด จากนั้นปิดฝาให้เดือดไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง

5.เติมเครื่องปรุงลงไปในหม้ออันประกอบด้วยซีอิ้วขาว 1/3 ช้อนชา, ซีอิ้วดำ 1/4 ช้อนชา, เกลือปริมาณเล็กน้อย และน้ำตาล 4 -5 5 ช้อนชา ( เมนูนี้ต้องเป็นรสชาติหวานนำ)

6.เติมน้ำสะอาดจนท่วมขาหมูเผาอีก ปิดฝาหม้อ

7.ต้มต่อไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นอันเสร็จ สำหรับเมนูนี้เราเพิ่มเครื่องเคียงเป็นผักคะน้า แครอทและผักกาดดอง โดยเรานำผักทั้งสามชนิดที่ผ่านการล้างอย่างสะอาดแล้ว มาต้มด้วยน้ำพะโล้ที่แยกมาโดยต้มให้เดือด เพื่อให้เครื่องเคียงของเราซึมซาบรสชาติของน้ำพะโล้ลงไป จากนั้นนำขาหมูเผาพะโล้แห้งมาเสริฟ์พร้อมเครื่องเคียง และจัดจานรวมถึงเพิ่มรสชาติด้วยพริกสีแดงและสีเขียวอีก 4 – 5 เม็ด ( อย่าลืมล้างพริกและเด็ดขั้วพริกออกก่อนนำไปจัดจาน เพื่อให้พร้อมแก่การรับประทาน) รวมถึงกระเทียมไทย 2 – 3 กรีบ เราก็จะได้เมนูสุดพิเศษสำหรับครอบครัว

รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และวิธีทำ แกงไตปลา อาหารท้องถิ่นของคนภาคใต้ ที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก เมนูขึ้นชื่อที่แสนอร่อย