ผลไม้ที่ควรทานช่วยล้างสารพิษ
อาหารเพื่อสุขภาพ

แนะนำ ผลไม้ที่ควรทานช่วยล้างสารพิษ ของเสียในร่างกายได้

   ผลไม้ที่ควรทานช่วยล้างสารพิษ เราอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ การดีท็อก หรือทำความสะอาดอวัยวะภายในของร่างกาย เพราะร่างกายของคนเรานั้น แนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ในแต่ละวันได้มีการรับของเสียต่าง ๆ เข้าไป ไม่ว่าจะทางอาหาร การสูดดม หรือการสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ พวกเชื้อโรคเหล่านั้น มันมีขนาดที่เล็กมาก เราไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ วิธีการทำความสะอาดร่างกายนั้น หากเป็นภายนอกเราก็แค่อาบน้ำถูสบู่ แต่ถ้าเป็นภายในเราจะทำการล้างร่างกาย ด้วยการดีท็อก หรือรับประทานอาหารบางประเภท ที่มีคุณสมบัติสามารถล้างสารพิษในร่างกายได้ ส่วนอาหารที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ เป็นผลไม้ หาได้ง่ายตามท้องตลาด ราคาไม่แพง จะมีผลไม้อะไรบ้างนั้น ไปติดตามรับชมกันดีกว่า

ผลไม้ที่ควรทานช่วยล้างสารพิษ ของเสียในร่างกายได้

5 รายชื่อ ผลไม้ที่ควรทานช่วยล้างสารพิษ

   การล้างสารพิษภายในร่างกายของคนเรานั้น ด้วยการรับประทานผลไม้ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่าย ไม่ต้องดีท็อกแบบสวนทวาร แถมยังได้ผลดีไม่แพ้กัน ส่วนผลไม้ที่มีคุณสมบัติ ล้างสารพิษของเสียในร่างกาย มีอยู่ด้วยกันดังนี้

  • แอปเปิ้ล เน้นเป็นแอปเปิ้ลสีเขียวจะดีที่สุด ภายในผลแอปเปิ้ลนั้น จะมีเส้นใยอาหารจำนวนมาก ซึ่งเส้นใยอาหารเหล่านี้ มีคุณสมบัติช่วยทำให้ ระบบการย่อย พวกกระเพาะ ลำไส้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเรื่องของระบบการขับถ่าย ใครที่ชอบเป็นโรคท้องผูก แนะนำควรกินแอปเปิ้ลเขียวอย่างน้อยวันละ 1 ลูก อาการท้องผูกจะหายเป็นปลิดทิ้งทันที นอกจากนี้แอปเปิ้ลเขียว ยังช่วยป้องกันจากโรคมะเร็งที่เกิดบริเวณลำไส้ใหญ่อีกด้วย ผลไม้ชะลอวัย หากใครไม่อยากแก่ฟังทางนี้ บอกเลยว่าคุณต้องมีติดตู้เย็นไว้
มะละกอที่สุก ผลไม้ที่ควรทานช่วยล้างสารพิษ
  • มะละกอที่สุก การรับประทานมะละกอที่สุกแล้วนั้น จะช่วยทำให้ร่างกายขับของเสียออกมา แถมยังล้างสารพิษต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ได้ดี พร้อมทั้งปรับภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้แข็งแรงขึ้น
  • ส้มโอ นี้เป็นผลไม้ที่มีสารไฟเบอร์ที่ชื่อว่า เพกติน สารนี้มีคุณสมบัติช่วยขจัดก้อนไขมัน ที่ติดอุดตันอยู่ตามเส้นเลือด
ส้มโอ
  • องุ่น เป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยเกลือแร่ และสารแร่ธาตุที่จะช่วยบำรุงเลือด ทั้งยังซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สึกหรอ และล้างสารพิษที่อยู่ในอวัยวะตับ ลำไส้ ไต
  • แตงโม เป็นผลไม้ที่ช่วยขับพวกกรดยูริคให้มีค่าพอเหมาะกับร่างกาย ทำให้ไตทำงานไม่หนักจนเกินไป
ประโยชน์ของผักใบเขียวคะน้า
อาหารเพื่อสุขภาพ

ประโยชน์ของผักใบเขียวคะน้า ที่เป็นมากกว่าแค่อาหารทั่วไปเท่านั้น

 ประโยชน์ของผักใบเขียวคะน้า คะน้าจัดเป็นผักใบเขียวอย่างหนึ่ง คะน้ามีชื่อตามหลักสากลว่า Chinese Kale จัดเป็นผักใบเขียวที่นิยมใช้ทำเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู อาหารเด็ด คงเป็นเพราะผักคะน้านั้นค่อนข้างหาง่ายตามท้องตลาด พบเจอได้ตลอดทั้งปี แทบราคาก็ไม่แพง ผักใบเขียวอย่างคะน้า หลายคนอาจจะไม่รู้ถึงคุณประโยชน์ของผักคะน้า เป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ป้องกันช่วยรักษาได้หลากหลายมาก วันนี้เราจะพาไปดูคุณประโยชน์ของพืชใบเขียวอย่างคะน้ากัน ว่าจะมีอะไรบ้าง

ประโยชน์ของผักใบเขียวคะน้า ที่ควรรับประทาน

5 คุณ ประโยชน์ของผักใบเขียวคะน้า ที่ควรรับประทานทุกวัน

  • ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันการเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ คนที่ชอบเจ็บป่วยเป็นไข้อยู่บ่อย เหตุเกิดจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ขาดสารอาหารพวกวิตามินเอ ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม ซึ่งสารวิตามินเอนั้น เราสามารถพบได้ในผักคะน้า มีสารชนิดนี้สูงมาก หากรับประทานผักคะน้าเป็นประจำทุกวัน ภูมิคุ้มกันของร่างกาย จะแข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยเจ็บป่วยบ่อย
  • ช่วยบำรุงสายตา ผักคะน้าเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สารตัวนั้นมีชื่อว่าเบต้าแคโรทีน เป็นสารแม่ของวิตามินเอ สารนี้มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงรักษาสายตา และระบบของเส้นประสาทของดวงตา ใครที่ใช้งานสายตามาก ๆ มองภาพลางเลือน เบลอ ไม่ค่อยชัด แนะนำว่าให้ลองกินผักคะน้าติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์รับรองได้เลยว่า จะกลับมามองเห็นชัดเจนอีกแน่นอน
    5 คุณ ประโยชน์ของผักใบเขียวคะน้า
    • ช่วยทำให้กระดูกนั้นแข็งแรง ผักคะน้าเป็นผักที่มีหลากหลายแร่ธาตุ สารอาหารที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก แคลเซียมก็เป็นหนึ่งสารอาหาร ที่พบได้มากในผักคะน้า สำหรับคนที่แพ้นมวัว สามารถหันมากินผักคะน้าทดแทนกันได้
    • ช่วยบำรุงเลือด และรักษาโรคโลหิตจาง ในตัวผักคะน้ามีแร่ธาตุตัวหนึ่งที่ชื่อว่า โฟเลต แร่ธาตุตัวนี้มีความสำคัญ ต่อกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง ใครที่เป็นโรคเลือดจาง แนะนำให้กินผักคะน้าสัปดาห์หนึ่ง อย่างน้อย 2 – 3 ครั้ง จะช่วยเพิ่มเม็ดเลือดให้มากขึ้น
    • ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนวัย ภายในผักคะน้ามีสารเบค้าแคโรทีน เป็นสารในการต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีสารลูทีนทำหน้าที่ผลิตคอลลาเจนภายใน Cell ของผิวหนัง ยิ่งรับประทานมากเท่าไร ผิวพรรณก็จะค่อย ๆ เปล่งปลั่ง รอยเหี่ยวย่นจะค่อยจางหายไป
    แยมมะนาว
    อาหารทั่วไป เคล็ดลับการทำอาหาร

    แยมมะนาว สำหรับทาขนมปังมือเช้าฉบับโฮมเมด สูตรนี้ดีอร่อยทำง่าย

    วันนี้เรารองมาทำความรู้จักกับ แยมมะนาว หรือซอสเลมอน อีกหนึ่งไอเทมจำเป็นในยุคข้าวยากหมากแพง เพราะเจ้าแยมตัวนี้ถือเป็น 1 วัตถุดิบสำคัญที่ส่งผลให้แซนวิช ขนมปังมื้อเช้าของเพื่อน ๆ อร่อยยิ่งขึ้น เพราะเจ้าอาหารเช้าประเภทนี้จะช่วยตอบโจทย์ชั่วโมงเร่งรีบของเพื่อน ๆ และครอบครัวได้เป็นอย่างดี แนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปรับชมสูตรและวิธีการทำได้เลย

    แยมมะนาว สำหรับทาขนมปังมือ

    ขอแนะนำสูตรทำ แยมมะนาว ไว้ทานเองแบบง่าย ๆ

    ส่วนผสมแยมมะนาว

    อาหารเช้ามื้อสำคัญย่อมตามาด้วยความสดใหม่ ขอเพียงเพื่อน ๆ มีมะนาวสด ๆแท้ ๆสักลูกเพราะเราจะต้องใช้ผิวของมันผสมกับน้ำตาลทราย เพื่อดึงความหวานของมันออกมา เมนู ขนมปังหน้าไข่ดาว ส่วนประกอบชิ้นต่อไปเกลือ เกลือจะทำหน้าที่ปรับสมดุลรสชาติความหวานกับเค็มได้อย่างเหมาะสม ต่อด้วยไข่แดง และเนยจืด เป็นต้น วัตถุดิบทั้งหมดเพื่อน ๆ สามารถหาได้ตามห้างสรรพสินค้าตามมุมมองทั่วไป

    สำหรับชั้นตอนการทำแยมมะนาว ตั้งหม้อใส่น้ำรอจนเดือดจากนั้นนำถ้วยหรือจานที่สามารถทนต่อความร้อนได้ดีวางบนหม้อพร้อมปรับไฟกลาง ขั้นตอนต่อไปนำใส่น้ำมะนาวที่คั้นเตรียมไว้ ตามด้วยไข่แดง ปรุงรสด้วยน้ำตาล และเกลือลงไปเล็กน้อย คนไปเรื่อย ๆ ไม่ให้ไข่แดงจับตัว หรือจนกว่าซอสจะเนียนเสมือนฮอลแลนเดสซอส 10-12 นาที ต่อเนื่อง ปิดเตาทิ้งไว้อุณหภูมิห้องจนเย็นตัวลง ใส่ถ้วยซีนให้เรียบร้อยแช่ตู้เย็น 15-20 จนเซ็ตตัวดี นำออกมาใส่เนยขนให้เข้ากันพร้อมเสิร์ฟ

    ขอแนะนำสูตรทำ แยมมะนาว

    ทริคง่ายๆไม่พลาดอาหารเช้าดี ๆ

    เคล็ดลับของการทำแยมมะนาว หากคุณต้องการให้ผิวแยมออกมาเนียน เพื่อน ๆ จำเป็นต้องออกแรงคนมันหลังจากนำออกมาจากตู้เย็น (ยิ่งคนนานยิ่งดี) เพราะถ้าหากเราตีไม่ดีพอ รสชาติไข่และมะนาวจะส่งกลิ่นคาวปนเปรี้ยวอย่างแน่นอน ดังนั้นการตีและชนิดของมะนาวจึงสำคัญ รวมถึงอุณหภูมิน้ำต้มระหว่างคนเช่นกัน

    สำหรับเจ้าแยมคู่อาหารเช้าชนิดเหมาะกับแพนเค้ก ขนมประเภทอบ แซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ รวมถึงของหวานประเภทอื่น ๆ นอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่าไปได้มากโข เพื่อน ๆ ยังได้แยมมะนาวที่อาจกลายเป็นคู่หูมื้อเช้าของเพื่อน ๆ อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน

    วัตถุดิบราคาแพงสุดในโลก
    อาหารทั่วไป

    ขอแนะนำ 10 อันดับ วัตถุดิบราคาแพงสุดในโลก อาหารหรูหราที่หากินยาก

    สำหรับสายอาหารการตามหา วัตถุดิบราคาแพงสุดในโลก นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างหนึ่งที่เงินสามารถหาซื้อเติมความสุขของเราได้ แต่เมื่อพูดถึงอะไรบางอย่างที่มีราคาแพง อาหารเด็ด ภายใต้นั้นย่อมตามมาด้วยคำว่าหายาก เตรียมพบกับบทความที่จะนำเสนอรายชื่อสิ่งที่มนุษย์รับประทานที่มีราคาแพงสุดในโลก รวมถึงเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงมีราคาสูงลิบลิ่ว

    วัตถุดิบราคาแพงสุดในโลก อาหารหรูหรา

    วัตถุดิบราคาแพงสุดในโลก ! อาหารของคนรวย

    โปรตีนเดียวที่คนรวย ๆ ต่างทุ่มเงินซื้อเติมความสุขให้ตัวเองก็คือ อัลมาส คาเวียร์ (Almas caviar) สนนราคาซื้อขายอยู่ราว ๆ 250,000 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัม หรือ 9.2 แสนบาทไทย เมนูอาหารราคาแพง โดยเจ้าวัตถุดิบเลอค่าชนิดนี้ผลิตขึ้นในประเทศอิหร่าน บนน่านน้ำทะเลแคสเปี้ยน และสาเหตุที่ทำให้ราคาของสูงเฉียดฟ้านั่นก็เพราะปริมาณอุปทานค่อนข้างต่ำ เนื่องมันต้องนำมาจากปลาสเตอร์เจียนเผือก ตัวโตเต็มวัย หรืออายุระหว่าง 70-100 ปี กล่าว ๆ ง่าย ๆ คือ พวกมันหายากมาก ๆ เพราะใกล้สูญพันธุ์จากแหล่งน้ำธรรมชาตินั่นเอง

    Top10อาหารเติมความสุขแพงสุดในโลก

    เจ้าวัตถุดิบราคาแพงชนิดนี้ ไม่มีใครปฏิเสธเลยว่าทำไมมันถึงมีราคาสูงเช่นนี้ นั่นก็เพราะว่า ปลาสเตอร์เจียนในแหล่งน้ำธรรมชาติอายุสูง ๆ หรือที่หลาย ๆ คนเรียกอีกชื่อว่า ปลาสเตอร์เจียนเบลูก้า สายพันธุ์หายากที่สุดในโลก เพราะมันเป็นปลาที่มีอายุยืนยาว ดังนั้นโปรตีนบนเนื้อของมันจึงเปี่ยมไปด้วยสารอาหารดี ๆ มากมาย ทำเอาทองคำชิดซ้ายกันเลยทีเดียว

    Top10อาหารเติมความสุขแพงสุดในโลก

    1.อัลมาส คาเวียร์(อิหร่าน) – 25,000/us.                 2.ยาร์ทซะ กันบู (ทิเบต) – 20,000 /us.             3.ยูบาริ คิง เมล่อน (ญี่ปุ่น) 12,000/us.

    4.อับเชอร่อน แชร์ฟฟรอน (อาเซอร์ไบจาน) 11,000/us    5.รูบี้ โรมัน แกร็ปส์ (ญี่ปุ่น) 10,900/us.       6.เร้ด สวิฟเรท เนส (จีน) 10,000/us

    7.เบลูกา คาเวียร์ (อิหร่าน) 8,500/us            8.เปรี่ บาลี ฮันนี่ (ตุรกี) 7,000/us      9.อับลา ไวท์ ทรัฟเฟิล (อิตาลี) 6,000/us.

    10.เดนซุเกะ วอเตอร์เมล่อน (ญี่ปุ่น) 5,000/us. และอื่น ๆ อีกมากมาย ***หน่วยกิโลกรัมเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลล์สหรัฐฯกับไทยบาท (37/1us)

    melon ญี่ปุ่น

    จากวัตถุดิบราคาแพง 10 อันดับแรกของโลก เพื่อน ๆ จะสังเกตได้ว่า โปรตีนจากเนื้อสัตว์โดยเฉพาะวัวคือวัตถุดิบราคาสูงส่วนใหญ่ รองลงมาก็คือเห็ด และที่น่าประหลาดใจก็คือ ผลไม้อย่างเช่น เมล่อน แคนตาลูปจากประเทศญี่ปุ่นกลับกลายเป็นสินค้าหรูหรา เติมความสุขให้ใครก็ตามที่ได้รับลิ้มลองมัน