วิธีที่จัดการเศษอาหาร
อาหารทั่วไป

วิธีที่จัดการเศษอาหาร หรือรีไซเคิลเศษอาหารในครัวเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ แบบคุ้มค่า

วิธีที่จัดการเศษอาหาร เมื่อเราพูดถึง Food waste หรือขยะที่เกิดจากอาหาร ถือว่าเป็นหัวข้อที่กำลังถูกยกขึ้นมาให้ความสำคัญอย่างยิ่งในวงการอาหาร ทั้งในระดับใหญ่อย่างอุตสาหกรรม และระดับจุลภาคอย่างร้านอาหารกับบ้านเรือน ซึ่งขยะที่เกิดจากอาหารเหล่านี้โดยส่วนมากแล้วคือเศษอาหารประเภทต่างๆ ซึ่งยังคงมีวิธีที่จะจัดการเศษอาหารเหล่านี้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

วิธีที่จัดการเศษอาหาร

เคล็ดลับ วิธีที่จัดการเศษอาหาร ในบ้านเรือนให้เกิดประโยชน์มากขึ้น

ทำไมต้องเปลี่ยนเศษอาหาร

                สำหรับคนไทยนั้นอาจยังไม่ค่อยตื่นตัวเรื่อง Food waste มากที่เท่าที่ควร เพราะประเทศเราเป็นเมืองเกษตรกรรมอีกทั้งยังเพาะปลูกง่าย พืชผักราคาถูก ดังนั้นการรณรงค์ในเรื่องนี้จึงมักจะเป็นประเทศทางฝั่งตะวันตก อันที่จริงแล้วในภูมิภาคเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี กำลังให้ความสำคัญถึงเรื่องเศษอาหารอย่างมาก และบางส่วนยังถูกนำกลับมาเป็นอาหาร เช่น เปลือกหรือผิวชั้นนอก หากยังไม่ถูกนับว่าเป็น “กากเสีย” ของวัตถุดิบจริงๆ

วิธีที่จัดการเศษอาหาร หรือรีไซเคิลเศษอาหาร

                การเปลี่ยนเศษอาหารให้มีประโยชน์รวมถึงการรีไซเคิลสามารถช่วยรักษาสภาพแวดล้อมของโลกเราได้อย่างยั่งยืน เพราะไม่ว่าจะเป็นการเกษตร หรือปศุสัตว์ ก็ล้วนผลาญทรัพยากรธรรมชาติไปมหาศาล ดังนั้นจึงได้มีการคิดคุ้นกระบวนการที่จะบริโภคอาหารเหล่านั้นให้คุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

  • เศษอาหารที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียต่อสิ่งแวดล้อมของเราอย่างมหาศาล
  • เมื่อขยะเปียกจำนวนมากเน่าในหลุมฝังกลบ สิ่งนี้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทรงพลังออกสู่ชั้นบรรยากาศซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการทำให้โลกร้อน
  • เศษอาหารเป็นส่วนประกอบสำคัญของปุ๋ยหมักซึ่งเป็นวัสดุอินทรีย์ ช่วยในการฟื้นฟูดิน
 วิธีที่จัดการเศษอาหาร ในบ้านเรือน

วิธีนำเศษอาหารกลับมาใช้ใหม่

  • ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน

คุณสามารถกำจัดขยะเปียกที่เกิดจากเศษอาหารในครัวเรือนได้ด้วยการผสมมัน แต่ทว่าก่อนที่จะทิ้งไปรวมกัน ควรปั่นโดยใช้เครื่องปั่นอาหารก่อนเพื่อช่วยให้เศษอาหารย่อยสลายได้เร็วขึ้น จากนั้นเทลงในถังขยะขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้โดยเฉพาะ หรือภาชนะอื่นๆ สำหรับการหมักปุ๋ยอินทรีย์ เท่านี้คุณก็จะได้ปุ๋ยน้ำชีวภาพทำเองง่ายๆ สำหรับใช้ดูแลสวนหลังบ้านให้เขียวขจีแล้ว

  • แช่แข็ง

วิธีนี้เหมาะกับเปลือกผัก ก้านผัก หรือกระดูกสัตว์ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทำเป็นปุ๋ยหมักเป็นอย่างเดียว คุณสามารถเก็บส่วนของวัตถุดิบนี้ล้างให้สะอาดแล้วแช่แข็งเอาไว้ เพื่อนำไปทำเป็นน้ำซุปผัก น้ำซุปกระดูกต่างๆ ได้ ยังคงได้รับคุณค่าทางอาหารเช่นเดียวกัน น้ำซุปเหล่านี้ยังสามารถเก็บไปใช้ปรุงอาหารอื่นได้ด้วย จากนั้นคุณสามารถแยกกรองทิ้งเฉพาะกากน้ำซุป  

  • ฟาร์มไส้เดือน

วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีสวนหลังบ้าน เพียงแค่เตรียมบริเวณแปลงผัก พรวนดินให้พร้อม แล้วปล่อยไส้เดือนลงไปแปลงละกำ จากนั้นก็สามารถเทเศษอาหารที่ปั่นแล้วของคุณไปในแปรงดินได้โดยตรงเหมือนกับการผสมปุ๋ยทั่วไปโดยไม่ต้องเสียเวลาหมักให้เป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพ

ทั้งหมดก็เป็นเคล็ดลับดี ๆ จากเว็บไซต์ ที่กิน อาหารอร่อย  และข้อมูลดี ๆ ของในการทำอาหารแบบมีความสุข คู่มือ การดูแลเคาน์เตอร์ครัว และการทำความสะอาดให้เป็นประกายเงางามดูใหม่อยู่เสมอ

ถ้าหากว่างจากการศึกษาข้อมูลข่าวสารจากห้องครัวแล้ว แอดขอแนะนำ  gclub5555 ไว้เล่นแบบเพลิน ๆ คลายเคลียด

การดูแลเคาน์เตอร์ครัว
อาหารทั่วไป

คู่มือ การดูแลเคาน์เตอร์ครัว และการทำความสะอาดให้เป็นประกายเงางามดูใหม่อยู่เสมอ

การดูแลเคาน์เตอร์ครัว วัสดุที่แตกต่างกันต้องใช้วิธีการดูแลทำความสะอาดที่แตกต่างกันเพื่อแก้ไขให้เหมาะสม เคล็ดลับคือการพิจารณาว่าอะไรจะเป็นประโยชน์ต่อพื้นผิวของคุณโดยเฉพาะก่อนที่คุณจะเริ่มทำความสะอาด ไม่สำคัญว่าจะทำจากไม้ หินแกรนิต หินอ่อน คุณเพียงต้องดูแลเคาน์เตอร์ของคุณให้ถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็สามารถรักษาความสะอาดให้อยู่ในสภาพที่ดีได้อย่างง่ายดาย

 การดูแลเคาน์เตอร์ครัว 1

เทคนิคที่คุณไม่บ้านต้องรู้เกี่ยวกับ การดูแลเคาน์เตอร์ครัว ของคุณให้ถูกต้อง

  • หินทรายแป้ง (Silestone)

หินทรายแป้งเป็นวัสดุที่เหนียวและแข็งเป็นพิเศษ เนื่องจากทำจากควอตซ์ และมีความยืดหยุ่นของเรซิน จึงสร้างพื้นผิวที่เหมาะสำหรับเคาน์เตอร์ครัว หินทรายแป้งไม่เป็นสนิม ทนต่อรอยขีดข่วน และทนต่อคราบสกปรกที่เกิดจากส่วนผสมที่เป็นกรด น้ำมัน ไวน์ กาแฟ และผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันอื่นๆ แต่ควรเลือกหินแบบเคลือบ เพราะหากไม่เคลือบผิวแล้วเนื้อหินที่ไม่ผ่านการขัดเงามีจะเป็นแหล่งเชื้อโรค ทำความสะอาดยาก เพราะมีส่วนผสมเป็นเรซินจึงต้องความระมัดระวังเรื่องความร้อน อย่างวางหม้อหรือกระทะร้อนจัดลงไป

ขจัดคราบฝังลึก: หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดสารเคมีที่รุนแรง สารฟอกขาว หรือแผ่นใยขัดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ควรใช้ส่วนผสมของสบู่อ่อนๆ กับน้ำอุ่น หรือน้ำส้มสายชูขาวครึ่งหนึ่งและน้ำเปล่าสำหรับเช็ดทุกวัน

                ยืดอายุการใช้งาน: ควรเคลือบผิวหิน และอย่างปล่อยให้หินเปียกนานๆ ควรเช็ดให้แห้ง

การดูแลเคาน์เตอร์ครัว -สเตนเลสสตีล
  • สเตนเลสสตีล (Stainless Steel)

สเตนเลสสตีลได้รับความนิยมในฐานะตัวเลือกสำหรับเคาน์เตอร์ครัวในร้านอาหารเป็นอย่างสูง มีความเหนียวและทนทานเป็นพิเศษ มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย สวยงาม พร้อมประโยชน์มากมาย ทนต่อการไหม้เกรียม และทนต่อความร้อนของกระทะได้ เนื่องจากของเหลวไม่สามารถซึมผ่านพื้นผิวได้ เป็นเคาน์เตอร์ที่ถูกสุขอนามัย แม้ส่วนผสมที่เป็นกรดหรือสารอื่นๆ หกใส่ก็ไม่ทำให้พื้นผิวเสียหายหากเช็ดออกในระยะเวลาที่เหมาะสม

ขจัดคราบฝังลึก: เนื่องจากเคาน์เตอร์สเตนเลสสตีลมักจะไม่มีรอยต่อ จึงไม่มีจุดที่ยุ่งยากในหมักหมมเศษอาหารและสิ่งสกปรก ตราบใดที่ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง คราบสนิมและการกัดกร่อนก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเช่นกัน สามารถล้างเคาน์เตอร์โดยโรยเบกกิ้งโซดาเล็กน้อย แล้วเช็ดด้วยฟองน้ำนุ่มๆ ชุบน้ำหมาดๆ ล้างออกและเช็ดให้แห้งทันที หลีกเลี่ยงฝอยขัดและสารเคมีกัดกร่อนที่มีฤทธิ์รุนแรง

ยืดอายุการใช้งาน: ทำความสะอาดทุกวันเพื่อไม่ให้หมอง ระวังรอยบุบและรอยขีดข่วน ใช้น้ำยาทำความสะอาดสเตนเลสสตีลโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความแวววาว

การดูแลเคาน์เตอร์ครัว -ไม้ (Wood)
  • ไม้ (Wood)

ไม้เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะโดดเด่น มีพื้นผิวเป็นเอกลักษณ์ ตัดและประดิษฐ์ได้ง่าย แต่ก็มีข้อด้อยในการรักษา เนื่องจากไม้ดูแลรักษายาก จุกจิก ไม่ทนต่อความเปียกชื้น ความร้อน ไปจนเกิดคราบอาหารฝังลึกได้ง่ายมาก อีกทั้งไม้ยังกลายเป็นแหล่งหมักหมมแบคทีเรียได้ง่ายมาก แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ยังนิยมเครื่องครัวจากไม้ เพราะให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ตกแต่งได้หลากหลายสไตล์ ดังนั้นเพื่อความง่ายในการดูแลจึงต้องใช้โลหะ กระเบื้อง เรซิน แก้ว หรืออื่นๆ ในการเคลือบผิวเคาน์เตอร์ไม้

ขจัดคราบฝังลึก: ถูทุกวันด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ และผ้านุ่มๆ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดให้แห้งเสมอ สำหรับการทำความสะอาดประจำสัปดาห์ ให้ใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำเปล่าเช็ดถู

ยืดอายุการใช้งาน:การล้างสิ่งที่หกลงบนเคาน์เตอร์ไม้ออกอย่างรวดเร็ว จะช่วยป้องกันคราบสกปรก และทำให้พื้นผิวดูดีเป็นเวลาหลายปี และควรเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดอ่อนสำหรับไม้โดยเฉพาะ หรือให้ใช้น้ำส้มสายชูหรือทีทรีออยล์ เช็ดเคลือบผิวด้านบนให้สัปดาห์ละครั้ง

การดูแลเคาน์เตอร์ครัว -คอนกรีต
  • คอนกรีต (Concrete)

เคาน์เตอร์คอนกรีตมักมาพร้อมกับห้องครัวสไตล์ลอฟต์ ทำจากปูนและทรายเป็นหลัก สามารถหล่อได้เกือบทุกรูปร่างหรือทุกขนาด มีหลายสีให้เลือกไม่จำกัด แต่คอนกรีตสามารถเสื่อมสภาพได้ง่ายเช่นกัน แม้ทนความร้อนได้ดี ทว่าควรหลีกเลี่ยงการวางหม้อหรือกระทะร้อนบนพื้นผิว เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ผิวหลุดออกแล้วบิ่นกลายเป็นหลุม คอนกรีตมีรูพรุนและเกิดคราบได้ง่าย จึงควรใช้น้ำยาเคลือบพื้นผิว และส่วนผสมที่เป็นกรดอื่นๆ ก็สามารถกัดผิวคอนกรีตได้เช่นกัน ควรรีบเช็ดออกเมื่อหกใส่ทันที

ขจัดคราบฝังลึก: น้ำสบู่อุ่นผสมผงซักฟอกอ่อนๆ และฟองน้ำนุ่มๆ ก็เพียงพอสำหรับใช้ทำความสะอาดคอนกรีต หากมีคราบแน่นให้ฉีดน้ำยาขจัดคราบซักผ้าลงบนบริเวณนั้นสัก 5 นาที แล้วโรยด้วยผงซักฟอกเพื่อถูเบาๆ ล้างออกด้วยน้ำและเช็ดความชื้นส่วนเกินออก หลีกเลี่ยงการใช้น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว ตลอดจนสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนบนเคาน์เตอร์คอนกรีต

ยืดอายุการใช้งาน: เคลือบด้วยแว็กซ์เพื่อรักษาสีและพื้นผิวของคอนกรีต

ทั้งหมดก็เป็นเคล็ดลับดี ๆ จากเว็บไซต์ อาหารเด็ด และข้อมูลดี ๆ ของ คู่มือ การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัว ของคุณให้เป็นประกายเงางามอยู่เสมอ

ถ้าหากว่างจากการศึกษาข้อมูลข่าวสารจากห้องครัวแล้ว แอดขอแนะนำ  สล็อตคิงคอง ไว้เล่นแบบเพลิน ๆ คลายเคลียด

การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัว-หินอ่อน
เคล็ดลับการทำอาหาร

คู่มือ การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัว ของคุณให้เป็นประกายเงางามอยู่เสมอ

การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัว เนื่องจากเคาน์เตอร์ครัวทำมาจากวัสดุมากมายและมีวิธีการดูแลรักษาที่ทั้งถูก (และผิด) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัวอย่างถูกต้อง เพราะวัสดุที่ใช้สำหรับพื้นผิวเคาน์เตอร์ทุกชนิดมีข้อดีข้อเสียของตัวเอง และวัสดุบางชนิดยังสามารถสึกหรอไปได้หากดูแลไม่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามควรทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัวเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะทำจากไม้ลามิเนต หิน ไม้แท้ หรือกระเบื้อง การทำความสะอาดและบำรุงรักษาเป็นประจำจะช่วยปกป้องและยืดอายุการใช้งาน

การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัว

เคล็ดลับที่คุณแม่บ้านไม่ควรพลาดกับ การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัว

  • ลามิเนต (Laminate)

เนื่องจากมีราคาไม่แพงและยังมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดง่าย ลามิเนตจึงยังคงได้รับความนิยมในฐานะวัสดุที่ทนทานและน่าสนใจสำหรับเคาน์เตอร์ครัว โดยพื้นฐานแล้วลามิเนตเกิดจากกระดาษแข็ง เรซิน และเมลามีน ดูแลง่ายด้วยการขัดฟองน้ำ ใช้สบู่อ่อนๆ ล้าง ทั้งน้ำยาล้างจาน และน้ำยาล้างเคาน์เตอร์ครัวโดยเฉพาะ รวมถึงสารล้าง DIY ที่เป็นกรดเล็กน้อย เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู หรือสารฟอกขาว อย่างไรก็ตามข้อเสียของลามิเนตคือ ไวต่อการไหม้เกรียมจากการสัมผัสกับหม้อและกระทะร้อน ดังนั้นไม่ควรนำของร้อนมาวางทับไว้

ขจัดคราบฝังลึก: สำหรับคราบให้ใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูโดยถูเบาๆ บริเวณคราบฝังลึก หลีกเลี่ยงการใช้ฝอยเหล็กหรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนบนลามิเนต เพราะจะทำให้พื้นผิวเป็นรอย

                ยืดอายุการใช้งาน: เพื่อช่วยป้องกันการเกิดคราบและรอยขีดข่วนบนพื้นผิวการใช้แว็กซ์ผลไม้หรือน้ำมันมะพร้าวทุก 3-4 เดือน จะช่วยป้องกันพื้นผิวให้แวววาวเหมือนใหม่ได้

การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัว หินแกรนิต (Granite)
  • หินแกรนิต (Granite)

หินแกรนิตเป็นหินอัคนีที่ทำจากแร่ซิลิเกต ด้วยคุณสมบัติที่สวยงามและเป็นธรรมชาติของหิน หินแกรนิตจึงเป็นวัสดุที่แข็งแรงและทนทานอย่างยอดเยี่ยมสำหรับเคาน์เตอร์ครัว อีกทั้งยังต้องการการดูแลรักษาน้อยมาก และสามารถทนต่อความร้อนของเครื่องครัวที่ร้อนได้โดยไม่ทำให้พื้นผิวไหม้เกรียม หินแกรนิตเป็นทางเลือกที่ถูกสุขอนามัยอย่างยิ่งสำหรับห้องครัว เนื่องจากลักษณะที่ไม่เป็นสนิม ทำให้ทนต่อการสะสมของความชื้นได้สูง และไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย อย่างไรก็ตามหินแกรนิตสามารถแตกร้าวได้หากของมีคมหล่นลงบนผิวของมัน นอกจากนี้ยังดูดซับน้ำมันได้อย่างรวดเร็วและหินแกรนิตเฉดสีที่อ่อนจะเกิดคราบได้ง่ายกว่าสีเข้ม

ขจัดคราบฝังลึก: น้ำยาทำความสะอาดที่มีค่า pH เป็นกลาง เหมาะที่สุดสำหรับหินแกรนิต ใช้เพียงฟองน้ำหรือผ้าขนหนูถู ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดจากธรรมชาติที่มีกรด ซึ่งรวมถึงน้ำส้มสายชู น้ำยาล้างจาน น้ำมะนาว แอมโมเนีย สารฟอกขาว หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

                ยืดอายุการใช้งาน: ทำความสะอาดทุกวันก็เพียงพอ ไม่ควรปล่อยให้เกิดคราบหมักหมมเพราะจะทำให้ผิวหินด้านและสีหมอง

การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ครัว-หินอ่อน
  • หินอ่อน (Marble)

หินอ่อนที่หรูหราและชวนฝัน เป็นหินอีกชนิดหนึ่งที่นำเสนอความหรูหราของห้องครัว มีส่วนประกอบเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตโดยส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่ามีลักษณะเป็นรูพรุน ไม่ว่าจะเคลือบผิวแบบด้านหรือวาว ควรใช้เครื่องซีลหินแบบเจาะทะลุเพื่อป้องกันการดูดซึมของเหลวและน้ำมัน หินอ่อนมีความทนทานมาก และทนต่อการไหม้เกรียมตามธรรมชาติ แต่ไม่แข็งเท่าหินแกรนิต อีกทั้งมีความไวต่ออาหารและสารเคมีบางประเภทซึ่งอาจนำไปสู่การถูกกัดกร่อนหรือการหมองคล้ำ

ขจัดคราบฝังลึก: หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมที่เป็นกรดหรือกัดกร่อนคล้ายกับหินแกรนิต รวมถึงใยขัด ใช้เพียงฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดก็เพียงพอ

                ยืดอายุการใช้งาน: หินอ่อนไวต่อสิ่งที่เป็นกรด เช่น ไวน์ น้ำผลไม้ น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว น้ำมะเขือเทศ ซอสมะเขือเทศ กาแฟ ชาและสารที่มีฤทธิ์คล้ายคลึงกัน จำเป็นต้องเช็ดออกทันที ส่วนน้ำมันและแว็กซ์มีแนวโน้มที่จะทำให้หินอ่อนเปลี่ยนสี แม้แต่จานเปียกที่วางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์ก็จะทิ้งรอยน้ำไว้ถาวร ดังนั้นจงขยันในการเช็ดสิ่งที่หกโดยด่วน หากคุณต้องการรักษาความสวยงามของหินอ่อนก็ให้เคลือบผิวไปเลย

สามารถกดติดตาม ที่กิน อาหารอร่อย และเคล็ดลับดี ๆ สำหรับคุณแม่บ้าน 5 กลิ่นหอมจากธรรมชาติ แบบโฮมเมดดับกลิ่นเพิ่มความสดชื่นสำหรับในห้องครัวหมดปัญหากลิ่นอาหาร

ถ้าหากว่างจากการเข้าครัวเรียบร้อยแล้ว แอดขอแนะนำ    bslot89 ไว้เล่นแบบเพลิน ๆ ระหว่างรออาหารย่อยนะคะ

วิธีเก็บรักษาอินทผลัม
อาหารทั่วไป เคล็ดลับการทำอาหาร

วิธีเก็บรักษาอินทผลัม ให้อยู่นานพร้อมสำหรับนำมาปรุงอาหารและขนม

วิธีเก็บรักษาอินทผลัม ความนิยมในการใช้อินทผลัมเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน ทั้งในกลุ่มผู้บริโภคเป็นประจำ และกลุ่มผู้รักสุขภาพซึ่งกำลังมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตัวอินทผลัมเองนั้นยังเป็นผลไม้ทะเลทรายซึ่งมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ หาซื้อได้ง่ายในประเทศไทยและมีราคาที่จัดว่าไม่แพงจนเกินไปด้วย ทำให้ผลไม้ชนิดนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้มากมาย ทั้งในอาหารและเครื่องดื่ม ที่เราคุ้นเคยกันที่สุดคืออินทผลัมอบแห้งซึ่งมีวิธีการเก็บรักษาที่ไม่ยากเนื่องจากส่วนประกอบหลักในอินทผลัมคือน้ำตาลผลไม้ ทำให้อินทผลัมสามารถเก็บไว้ได้นานมาก ยืดอายุได้อีกนานด้วย โดยสูญเสียรสชาติและเนื้อสัมผัสไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอร่อยได้แน่นอน

วิธีเก็บรักษาอินทผลัม

3 วิธีเก็บรักษาอินทผลัม หรือการถนอมอินทผลัมไว้ทานได้แบบนาน ๆ

พันธุ์อินทผลัมที่พบมากที่สุดคือ Medjool และ Deglet Noor คุณอาจพบประเภทอื่นๆ เช่น Barhi, Honey, Thoory และ Zahidi โดยปกติแล้วการจะเลือกว่าอินทผลัมนั้นเหมาะกับอาหารคาวหรือหวาน คุณควรทำการชิมรสก่อน หากเนื้อพันธุ์นั้นมีความหวานชุ่มคอควรใช้ในการทำเครื่องดื่มและขนมหวาน ในขณะที่พันธุ์ที่เนื้อร่วนแห้งกว่า หวานปานกลาง เหมาะสำหรับรับประทานเลย หรืออาจใส่ลงในสลัด หรืออาหารคาวอื่นๆ

วิธีเก็บรักษาอินทผลัม หรือการถนอมอินทผลัม
  • แช้ตู้เย็น

อินทผลัมแห้งมีรสหวานและแห้งสนิทอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือหาภาชนะพลาสติกที่มีฝาปิดสนิทมาใส่พวกมันไว้ในตู้เย็นช่องปกติ โดยควรรับประทานให้หมดภายใน 1-2 เดือน หากเอาใส่ไว้ในช่องแช่แข็งก็จะอยู่ได้นานถึง 3เดือน

  • ละลายแล้วควรกินให้หมด

หากคุณได้นำอินทผลัมเข้าช่องแช่แข็ง เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้งานควรเปลี่ยนเอาบางส่วนที่จะใช้มาแช่ในตู้เย็นช่องปกติประมาณ 2-3 วันล่วงหน้าก่อนใช้งาน จะช่วยทำให้รสชาติดรอปลงไม่มาก ดีกว่าจะนำไปอุ่นในไมโครเวฟ จากนั้นเมื่อเอาออกมาใช้แล้วคุณควรใช้ให้หมดหรือกินให้หมด อย่าเอากลับไปแช่ช่องแข็งอีก

หากคุณลืมเตรียมการล่วงหน้า ให้แบ่งอินทผลัมออกมาแช่ในชามน้ำร้อนสุดสัก 2-3 ชั่วโมง คุณก็จะได้อินทผลัมเนื้อเหนียวนุ่มดังเดิม แต่วิธีนี้จะดรอปรสหวานของอินทผลัมลงเล็กน้อย

วิธีเก็บรักษาอินทผลัม เก็บไว้ในตู้กับข้าว
  • เก็บไว้ในตู้กับข้าว

กรณีที่คุณตัดสินใจเก็บรักษาอินทผลัมไว้ที่อุณหภูมิห้องควรเปลี่ยนมาใส่เป็นชนะแก้วที่มีฝาปิดสนิทเพื่อป้องกันมดและแมลงตามกลิ่นหวานๆ มา จากนั้นก็ดันไปไว้ข้างในสุดของตู้กับข้าว ไม่ต้องให้โดนแสงแดด สามารถเก็บไว้ได้นาน 2-3 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนถ้าอินทผลัมเนื้อแห้งไม่ฉ่ำมาก

อินทผลัมเป็นผลไม้รสหวานและให้พลังงาน จึงเป็นอีกอาหารทางเลือกที่ดีกว่าน้ำตาลแปรรูปของคนที่ดูแลสุขภาพ ทั้งยังมีไฟเบอร์ซึ่งทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลเหล่านั้นได้ช้าลง ป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงมากจนเกินไป ในฐานะวัตถุดิบธรรมชาติ อินทผลัมก็ยังมีรสชาติอร่อย นำไปประยุกต์ได้หลากหลายทั้งแบบร้อนและเย็น ทั้งหวานและคาว น่าลองอย่างยิ่งสำหรับเมนูอาหารจานเด็ดของคุณ!

หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารแสนอร่อยและเมนูน่าทาน อย่าลืมกดติดตาม ที่กิน อาหารอร่อย และเคล็ดดี ๆ ของการ การถนอมอาหาร ในอาหารแต่ละประเภทสามารถเก็บไว้ในช่องแช่แข็งได้นานแค่ไหน ?

ถ้าหากว่างจากการทานเมนูแสนอร่อย แอดขอแนะนำ  pg slot true wallet ไว้เล่นแบบเพลิน ๆ

น้ำมันเมล็ดองุ่น
อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารไทย เคล็ดลับการทำอาหาร

7 วิธีที่ดีที่สุดในการใช้ น้ำมันเมล็ดองุ่น ปรุงอาหารแสนอร่อยและดีต่อสุขภาพ

น้ำมันเมล็ดองุ่น นับว่าเป็นน้ำมันชนิดที่ค่อนข้าง “ใหม่” สำหรับครัวไทย แต่ใครที่รับประทานคลีนหรืออาหารเพื่อสุขภาพมาก่อนแล้วก็จะรู้สึกคุ้นชินอยู่บ้าง มีวิธีการใช้งานที่ยอดเยี่ยมมากมายโดยใช้น้ำมันเมล็ดองุ่นนี้ แน่นอนว่ามันกลั่นมาจากเมล็ดองุ่นจริงๆ อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการ

น้ำมันเมล็ดองุ่น

รู้หรือไม่? น้ำมันเมล็ดองุ่น สามารถทำอาหารอะไรได้บ้างนะ

รู้หรือไม่?

องุ่น 1 ตัน = น้ำมันเมล็ดองุ่น 1 ขวด

  • ผัด

จุดเด่นของน้ำมันเมล็ดองุ่นคือความใส สะอาด อีกทั้งเป็นน้ำมันที่มีรสชาติค่อนข้างเบา เมื่อนำมาปรุงอาหารแล้วก็จะให้ความรู้สึกสดใหม่เป็นอย่างมากโดยเฉพาะผัดผัก ซึ่งน้ำมันองุ่นแทบจะไม่รบกวนรสชาติของผักเลย สามารถทำให้คุณได้ลิ้มรสผักสดกรอบอย่างเต็มที่ น้ำมันนี้มี Smokig point ค่อนข้างสูงราว 420°F ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อยหากคุณอยากใช้กระทะเหล็กในการผัด หรือลองทำผัดผักไฟแดง

น้ำมันเมล็ดองุ่น สามารถทำอาหารอะไรได้บ้าง
  • ทอด

จากที่เรากล่าวไปในข้อที่แล้วว่า Smoking point ของน้ำมันเมล็ดองุ่นค่อนข้างสูง ดังนั้นแม้แต่งานทอดไม่ว่าจะทอดเบาๆ หรือทอดแบบกรอบๆ Deep fried ก็ไหวแน่นอน เพราะความทนความร้อนนี้หากใครอยากรับประทานเมนูทอดที่ยังคงความเฮลตี้ก็ไม่ต้องกังวลเลย ไม่ว่าจะเป็นปลาทอด ไก่ทอด เทมปุระ หรืออื่นๆ ก็อร่อยไม่อมน้ำมัน

  • ซอเต้ (Sauté)

ซอเต้เป็นวิธีที่คล้ายกับการผัด แต่จะมีความจำเพาะเจาะจงมากกว่า โดยต้องใช้กระทะแบนและใส่น้ำมันน้อยมากแค่เคลือบกระทะ หรือเอาน้ำมันทาจนแทบจะเป็น Dry-heat สำหรับคนรักสุขภาพที่ต้องการรับประทานไขมันชนิดที่ดีในการทำอาหารคลีน นี่คือคำตอบ

  • จี่ (Sear)

อยากจี่เนื้อบนกระทะให้เพียงผิวนอกสุกหอม แต่ไม่อยากให้น้ำมันหรือไขมันที่มีกลิ่นแรงรบกวนรสชาติเนื้อของคุณ ลองน้ำมันเมล็ดองุ่นได้เลย น้ำมันชนิดนี้มีเนื้อที่เบามาก และทนความร้อนในการจี่ได้ อีกทั้งยังช่วยให้ผิวรอบนอกของเนื้อกรอบๆ เกรียมเล็กน้อยแบบที่ต่างไปจากเนยด้วยนะ ไม่ว่าคุณจะแบบไหนก็จะได้สีน้ำตาลคาราเมลที่สมบูรณ์แบบแน่นอน

น้ำมันเมล็ดองุ่น ปรุงอาหารแสนอร่อย
  • ย่าง

ไม่ว่าจะเป็นเนื้อย่าง ปลาย่าง หรือซีฟู้ดย่าง กล่าวได้ว่าอาหารย่างทุกอย่างก็ต้องการน้ำมันในการเคลือบทา ผสมในซอสบาร์บีคิว สำหรับน้ำมันองุ่นนี้คุณสามารถใช้ทาได้ทั้งการย่างบนเตาย่างไฟฟ้า รวมถึงเตาถ่านด้วย เพราะน้ำมันสามารถทนความร้อนโดยตรงจากถ่านได้

  • น้ำสลัด

มีน้ำมันดีอยู่ในมือแล้วไม่ลองทำเป็นน้ำสลัดก็คงเสียของ รสชาติของน้ำสลัดที่ได้จากน้ำมันเมล็ดองุ่นจะมีรสชาติที่สดชื่น เป็นน้ำสลัดแบบโลว์แคลอรี เข้ากันได้ดีหากคุณจะลองปรับสูตรไปผสมกับน้ำส้มสายชูบัลซามิก มัสตาร์ดดิจอง หรือน้ำผึ้ง และยังแต่งกลิ่นสมุนไพรได้ดีด้วย

  • นาบผัก

กำลังมองหาน้ำมันนาบผักเหมาะใช่มั้ย คุณอาจพบว่าเวลาที่ย่างผักหรือนาบผักเมื่อใช้น้ำมันทั่วไปแล้วผิวผักจะมันเลื่อมจนเกินไปทำให้รู้สึกว่ามีรสชาติหนัก ลองเปลี่ยนเป็นน้ำมันเมล็ดองุ่นดูสิ  

นอกจากนี้ยังมีรสชาติที่หลากหลายซึ่งเหมาะสำหรับการสร้างสรรค์ด้วยน้ำมันเมล็ดองุ่น อะไรก็ตามที่จินตนาการของคุณคิดออก น้ำมันชนิดนี้ช่วยเพิ่มทางเลิกในการปรุงอาหารของคุณให้หลากหลาย ทั้งยังดีต่อสุขภาพมากๆ อีกด้วย

หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารแสนอร่อยและเมนูน่าทาน อย่าลืมกดติดตาม ที่กิน อาหารอร่อย และเคล็ดการทำอาหาร ด้วย หม้อทอดไร้น้ำมัน ที่คุณเองก็สามารถทำที่บ้านได้

ถ้าหากว่างจากการทานเมนูแสนอร่อย แอดขอแนะนำ Gclub5555 ไว้เล่นแบบเพลิน ๆ ระหว่างรออาหารย่อยนะคะ

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ
อาหารทั่วไป

5 กลิ่นหอมจากธรรมชาติ แบบโฮมเมดดับกลิ่นเพิ่มความสดชื่นสำหรับในห้องครัวหมดปัญหากลิ่นอาหาร

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ นอกจากความสะอาดภายในห้องครัวแล้ว กลิ่นอับและหืนที่เกิดจากการทำอาหารบ่อยๆ ก็สามารถสร้างความไม่ชอบใจให้กับคนในบ้านเช่นเดียวกัน เพราะกว่าจะเป็นอาหารปรุงสุกหอมฉุยเราก็ยังต้องพบกับกลิ่นคาวจากของสดต่างๆ กลิ่นน้ำมัน กลิ่นอาหารหมักดอง กระทั่งของเสียเก่าเก็บในตู้เย็น…ถ้าคุณไม่อยากใช้น้ำยาปรับอากาศ ลองดูกลิ่นหอมจากธรรมชาติแบบโฮมเมด

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ 1

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ 5 อย่าง เพิ่มกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ สมุนไพร และผลไม้

  • เครื่องเทศและเปลือกส้ม

เพิ่มความสดชื่นให้กับอากาศที่อับด้วยการเคี่ยวเครื่องเทศและเปลือกส้ม เพียงใส่น้ำในหม้อขนาดใหญ่ กานพลู ¼ ถ้วย ลูกจันทน์เทศ 4 ลูก ซินนามอน 6 แท่ง และเปลือกส้ม 2 ลูก ต้มจนเดือดแล้วอุ่นไฟอ่อนเคี่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ห้องครัวมีกลิ่นหอมของส้มและเครื่องเทศ พอปิดไฟแล้วก็ทิ้งไว้จนเย็น ค่อยบรรจุขวดสเปรย์ คุณได้ใช้ประโยชน์ 2 สเต็ป โดยสเต็ปแรกกลิ่นตอนเคี่ยวจะทำให้ทั้งครัวหอม สเต็ปที่สองก็เอาไว้ฉีดสเปรย์ในห้องอื่นๆ แช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้หลายสัปดาห์

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ สมุนไพรและผลไม้ 2
  • สมุนไพรและผลไม้

สูตรนี้มีกลิ่นที่โปร่งกว่าสูตรแรก เพียงคุณเติมน้ำลงในหม้อต้มแล้วนำโรสแมรี ไทม์ ใบกระวาน สะระแหน่ ลงตามชอบ เคี่ยวไฟอ่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นจึงค่อยเพิ่มกลิ่นผลไม้ลงไป จะมากหรือน้อยก็ได้ เช่น แอปเปิล ลูกแพร์ แครนเบอร์รี่ เป็นต้น สูตรนี้จะให้กลิ่นหอมหวานเบาๆ

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ เกลือและเบกกิ้งโซดา
  • เกลือและเบกกิ้งโซดา

สูตรเกลือและเบกกิ้งโซดาได้ผลชะงัดในการดับกลิ่นท่อน้ำทิ้ง ซึ่งวิธีการทำก็ง่ายมาก เพียงเทเกลือสินเธาว์ 1 ถ้วยลงไปในท่อระบายน้ำจุดที่คุณต้องการ อาจเป็นอ่างล้างจาน จากนั้นเทเบกกิ้งโซดาตามลงไปอีก 1 ถ้วย จากนั้นก็เพียงปล่อยให้ส่วนผสมเหล่านั้นได้ทำปฏิกิริยา โดยเกลือสินเธาว์และเบกกิ้งโซดาจะกลายเป็นฟองโซเดียมไบคาร์บอเนต ระหว่างนั้นคุณก็ต้มน้ำ พอเดือดปุดๆ แล้วจึงเทตามลงท่อไปเพื่อช่วยล้างคราบสกปรกฝังลึก

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ กลิ่นเลมอน
  • กลิ่นเลมอน

กลิ่นเลมอนเปรี้ยวๆ สร้างความสดชื่นและรู้สึกสะอาดให้กับอุปกรณ์ทำอาหารที่ทำความสะอาดยากได้อย่างทันควันแม้ว่าคุณจะไม่พึ่งพาส่วนผสมใดเลยก็ตาม เลมอน รวมถึงพืชตระกูลมะนาวช่วยขจัดกลิ่นคาวได้ เพียงแค่ใช้เลมอน 2 ผล จากนั้นก็ทำการผ่าพวกมันออกเป็น 2 หรือ 4 ซีก แล้วนำไปวางบนแผ่นฟอยล์หรือถาดอบ จากนั้นนำเข้าเตาอบ อบทิ้งไว้ที่อุณหภูมิ 250 °F ประมาณ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นปิดไฟ แล้วให้ทิ้งเลมอนไว้บนถาด เปิดประตูเตาอบ และปล่อยให้กลิ่นหอมกระจายตัวต่อไปจนกว่าเตาจะเย็น เท่านี้ก็ขจัดกลิ่นอับในเตาอบได้แล้ว

กลิ่นหอมจากธรรมชาติ -บอแรกซ์ดับกลิ่นถังขยะ
  • บอแรกซ์ดับกลิ่นถังขยะ

เราคุ้นหูกับชื่อบอแรกซ์ในฐานะส่วนผสมเคมีที่ทำให้ลูกชิ้นนุ่มเด้ง แต่อีกหนึ่งคุณสมบัติของบอแรกซ์คือการดูดซับกลิ่น ในดับกลิ่นถังขยะควรทำเดือนละครั้ง (ไม่ว่าจะเป็นถังขยะในบ้านหรือนอกบ้านหลังจากล้างแล้ว) ให้เติมบอแรกซ์ ¼ ถ้วยและน้ำร้อน 2 ลิตร (น้ำต้องร้อนอยู่แล้วค่อยมาผสม อย่าเอาบอแรกซ์ไปต้มนะ) จากนั้นเทน้ำผสมบอแรกซ์ลงในถังขยะ กลิ้งให้ทั่วถังทั้งด้านในด้านนอกแล้วเทน้ำนั้นทิ้ง ผึ่งถังขยะให้แห้ง เมื่อถังขยะแห้งแล้วให้โรยบอแรกซ์ที่ก้นถังบางๆ เพื่อป้องกันกลิ่น

กลิ่นหอมสดชื่นในห้องครัวไม่เพียงแต่ทำให้ห้องรู้สึกสะอาด แต่ยังช่วยปรับอารมณ์ได้ดีอีกด้วย ลองใช้สิ่งเหล่านี้ในห้องครัวของคุณเอง และทดลองกับกลิ่นที่คุณชื่นชอบจากเครื่องเทศ สมุนไพร และผลไม้ เป็นเรื่องสนุกที่ห้องครัวของคุณจะมีกลิ่นหอมหลากหลายแบบซึ่งคุณได้ลองทำด้วยตัวเอง

หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารแสนอร่อยและเมนูน่าทาน อย่าลืมกดติดตาม อาหารเด็ด และเคล็ดลับ วิธีการดูแลกระทะเหล็ก ให้อยู่คู่ครัวบอกเลยว่าคุณแม่บ้านไม่ควรพลาดเด็ดขาด

ถ้าหากว่างจากการทานเมนูแสนอร่อย แอดขอแนะนำ SA Gaming 1688 ไว้เล่นแบบเพลิน ๆ ระหว่างรออาหารย่อยนะคะ

การปรุงกุ้งมังกร
อาหารทั่วไป อาหารรสเด็ด เคล็ดลับการทำอาหาร

วิธีสุดเด็ดใน การปรุงกุ้งมังกร และการทำเมนูกุ้ง รวมทุกเรื่องของกุ้งสุดแพงนี้ที่คุณควรรู้!

การปรุงกุ้งมังกร กุ้งมังกรมีรสชาติที่ยอดเยี่ยม และเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังทำง่ายจนไม่ควรสงวนไว้เฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น ไม่ว่าในโอกาสใด คุณก็สามารถเปลี่ยนอาหารประจำวันให้เป็นประสบการณ์อาหารรสเลิศได้!

การปรุงกุ้งมังกร-การย่างหรืออบ

4 วิธียอดนิยม การปรุงกุ้งมังกร ยอดนิยมให้เนื้อกุ้งสดน่าทานคงความอร่อยไว้

  1. การต้ม

เมื่อคุณต้องการนำเสนอกุ้งมังกรทั้งตัวสำหรับมื้อเย็น การต้มเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้เนื้อสุกเร็วและหลุดออกจากเปลือกได้ง่าย

วิธีทำ

  • เติมน้ำลงในหม้อใบใหญ่ให้ท่วมกุ้งมังกรแล้วนำไปต้ม
  • กะปริมาณว่าใส่เกลือ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ลิตรที่ใช้ (ใช้น้ำเท่าไรก็ใส่เกลือไปตามนั้น)
  • ต้มกุ้งมังกรจนน้ำเดือดและอย่าปิดฝา จะใช้เวลาประมาณ 8 นาที สำหรับกุ้งขนาด 4-5 ขีดต่อตัว
  • กุ้งมังกรที่สุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีอมแดง ลองดึงหนวดกุ้งดูจะพบว่าหลุดง่าย
  • นำกุ้งมังกรที่สุกแล้วออกมาแช่อ่างน้ำแข็งเพื่อหยุดการสุก ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
การปรุงกุ้งมังกร ยอดนิยมให้เนื้อกุ้งสด
  • การย่างหรืออบ เป็นอีกหนึ่งวิธีการในการทำกุ้งมังกรที่ได้รับความนิยม ซึ่งถ้าคุณนำกุ้งขึ้นเตาย่างจะสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงเมื่อสุกของกุ้งได้ง่ายกว่าการย่างในเตาอบ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับความถนัด

วิธีทำ

  • ย่างไฟให้ร้อนปานกลาง หากเอาเข้าเตาอบอุณหภูมิควรอยู่ที่ 350-400°F
  • หากหางกุ้งมังกรของคุณมีขนาดใหญ่มาก คุณอาจต้องต้มก่อนประมาณ 5 นาที จากนั้นจุ่มลงในอ่างน้ำแข็งจนเย็น แล้วค่อยนำมาย่างต่อ
  • ทาเนยสมุนไพร น้ำมัน หรือน้ำหมัก ให้ทั่วตัวกุ้งมังกร โดยแงะเปลือกออกเล็กน้อยเพื่อให้รสชาติได้ไหลซึมเข้าไปในเนื้อ
  • ย่างจนเนื้อกุ้งเป็นสีขาวและเปลือกเป็นสีแดงประมาณ 4-5 นาที (กุ้งต้มแล้วหยุดตรงนี้ ถ้ากุ้งยังไม่ต้มค่อยไปต่อ)
  • พลิกและย่างต่อไปจนเนื้อขุ่นประมาณ 2-4 นาที หรืออาจเร็วกว่านั้นหากคุณชอบเนื้อกุ้งกึ่งดิบ
  • การนึ่งการนึ่งเป็นวิธีดั้งเดิม และค่อนข้างแพร่หลายทีเดียวสำหรับคนไทย เรามักจะนึ่งทุกอย่าง กุ้ง หอย ปู เพราะทำได้ง่าย

วิธีทำ

  • เติมน้ำทะเลเค็มหรือน้ำเกลือในหม้อใบใหญ่ประมาณ 2 ข้อนิ้วในชั้นล่างสุดของซึ้งนึ่ง
  • วางสมุนไพรรองบนซึ้งชั้นบนให้ปิดรูบางส่วน เช่น ตะไคร้ กะเพรา ใบมะกรูด หรืออื่ๆ ตามชอบ
  • เรียงกุ้งมังกรลงไป อย่าอัดกันจนแน่นเกินไป
  • ปิดฝาหม้อแล้วนึ่งไฟปานกลางไปเรื่อยๆ สำหรับตัวขนาด 4-5 ขีดใช้เวลาประมาณ 10 นาที หากตัวใหญ่กว่านั้นให้เช็คกุ้งเรื่อยๆ นึ่งเพิ่มทีละ 2 นาน
การปรุงกุ้งมังกร
  • การตุ๋นเนยการตุ๋นเนย (Poached) ไม่เหมือนทั้งการตุ๋นและการต้ม ให้สัมผัสของเนื้อกุ้งที่ต่างกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอะไรที่ลวกในเนยล้วนได้รสชาติที่ดี

วิธีทำ

  • แยกหัวกุ้งออกจากตัวโดยเอาหัวที่สุกยากลงต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที ส่วนตัวกุ้งลวกน้ำเดือด 2 นาที จากนั้นวางในน้ำแข็งเพื่อให้หยุดสุก
  • ใส่น้ำลงในกระทะแบน 1 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวให้เริ่มร้อน จากนั้นใส่เนยลงไป 1 แท่ง เพื่อให้ค่อยๆ ละลายเข้ากัน จะได้ไม่กระเด็น
  • ใส่เนื้อกุ้งมังกรที่ลวกเกือบสุกแล้วลงในกระทะ แล้วค่อยๆ ตุ๋นในเนยเป็นเวลา 5 นาที พลิกไปมาด้วย เมื่อเห็นว่าเนื้อกุ้งสุกกลายเป็นสีขาวขุ่นก็ใช้ได้

 สามารถกดติดตาม การทำเมนูอาหารแสนอร่อย ได้ที่ อาหารเด็ด
เคล็ดลับการทำอาหารแบบง่าย ๆ วิธีสูตรเด็ดใน การปรุงกุ้งมังกรและทุกเรื่องของกุ้งสุดแพงนี้ที่คุณควรรู้!

ถ้าหากว่างจากการทานเมนูแสนอร่อยแล้ว แอดขอแนะนำ  Jokerสล็อต777 ไว้เล่นแบบเพลิน ๆ ระหว่างรออาหารย่อยนะคะ

อาหารทั่วไป อาหารรสเด็ด เคล็ดลับการทำอาหาร

วิธีสูตรเด็ดใน การปรุงกุ้งมังกรและทุกเรื่องของกุ้งสุดแพงนี้ที่คุณควรรู้!

การปรุงกุ้งมังกร กุ้งมังกร คือวัตถุดิบในดวงใจของใครหลายคน อีกทั้งยังมีราคาสูง ดังนั้นถ้าทำพลาดขึ้นมาก็ต้องมีสะอึกด้วยความเสียดายเงินกันไม่น้อย ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจว่าสามารถปรุงกุ้งมังกรได้หลายวิธี และวิธีที่คุณเลือกจะส่งผลต่อรสชาติของอาหารจานสุดท้าย คนส่วนใหญ่มีวิธีการปรุงอาหารที่ชอบ แต่บางสูตรจะต้องมีเทคนิคเฉพาะ ความคิดในการปรุงกุ้งมังกรอาจดูยากเกินไปสำหรับมือสมัครเล่น แต่ก็ง่ายกว่าที่คุณคิดไว้มาก คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารอันโอชะนี้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

การปรุงกุ้งมังกร 1

เทคนิคเฉพาะ การปรุงกุ้งมังกร ให้มีรสชาติ อร่อยและน่าทานเนื้อนุ่มเด้ง

วิธีเลือกซื้อกุ้งมังกรสดหรือแช่แข็ง

คุณสามารถเลือกซื้อกุ้งมังกรได้ที่สะพานปลา ตลาดใหญ่ๆ เช่น อตกใ ตลาดไท หรือตลาดมหาชัย เป็นต้น นอกจากนั้นถ้าคุณชอบความสะดวกสบาย ก็ลองไปดูตามซูเปอร์มาร์เก็ตแผนกอาหารทะเล คุณจะได้พบทั้งแบบตัวสด และแบบแช่แข็งมาแล้ว นอกจากนั้นในปัจจุบันยังมีการขายอาหารทะเลสดๆ แบบออนไลน์อีกด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่สะดวกมากๆ

การปรุงกุ้งมังกร-กุ้งมังกรไม่ใช่กุ้งลอบสเตอร์

กุ้งมังกรไม่ใช่กุ้งลอบสเตอร์

                ทำความเข้าใจกันก่อนว่าสัตว์ทั้งสองอย่างนี้เป็นคนละชนิดกัน เนื่องจากกุ้งมังกรไม่มีก้าม แต่กุ้งลอบสเตอร์มีก้าม เป็นสัตว์น้ำคนละวงศ์ แต่เพราะการติดป้ายฉลากโดยใช้คำว่า “Lobster” เหมือนกันจึงทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด แต่ในความสสับสนยังมีความโชคดี เพราะทั้งคู่นั้นมีขนาดตัวและรสชาติที่ใกล้เคียงกัน เมื่อคุณเรียนรู้วิธีการปรุงกุ้งมังกรแล้ว ก็สามารถใช้วิธีนั้นกับกุ้งลอบสเตอร์ได้ด้วย (แต่กุ้งลอบสเตอร์อาจแกะเปลือกยากกว่านิดหน่อย ทำให้การเตรียมกุ้งของคุณต้องใช้เวลานานขึ้น)

การปรุงกุ้งมังกร-วิธีการส่งกุ้งมังกรไปสวรรค์อ

วิธีการส่งกุ้งมังกรไปสวรรค์อย่างสงบ

เชื่อว่ามีบางคนสะเทือนใจอยู่บ้างที่ต้องจัดการกุ้งมังกร บางคนก็อาจโยนลงไปในหม้อเลยโดยไม่ฆ่า ทั้งนี้ทั้งนั้นขอเตือนก่อนว่ากุ้งมังกรตัวใหญ่ ดิ้นแรง หากมันยังไม่ตายและคุณตัดสินใจทำอาหารทั้งอย่างนั้นอาจมีอุบัติเหตุก็เป็นได้ เพื่อให้แน่ใจว่ากุ้งเหล่านี้จะได้รับการปฏิบัติส่งสู่สวรรค์อย่างถูกวิธี และยังคงคุณภาพเนื้อนุ่มเด้งไว้ได้ควรทำความเข้าใจถึงสรีระของกุ้งมังกร

การปรุงกุ้งมังกร ให้อร่อย

ก่อนจะตื่นตกใจจนเกินไป ข้อเท็จจริงอีกประการคือสัตว์ทะเลเหล่านี้ไม่มีระบบประสาทส่วนกลางหรือเปลือกสมอง ที่ใช้ส่งสิ่งเร้ารับรู้ความเจ็บปวด ดังนั้นไม่ต้องกลัวกุ้งเจ็บ มี 3 วิธีที่แนะนำ ได้แก่

  • ใช้มีดปลายแหลมตัดเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างหัวกุ้งกับตัวกุ้ง
  • นำหัวกุ้งจุ่มลงในน้ำเดือดจัดอย่างรวดเร็ว (แต่ควรทำเมื่อกุ้งถูกมัดอยู่ ไม่เช่นนั้นคุณอาจโดนหางสะบัด)
  • แช่กุ้งในช่องแช่แข็ง 1-2 ชั่วโมงเพื่อให้กุ้งสลบ

 หากคุณกำลังมองหาเมนูอาหารแสนอร่อย อย่าลืมกดติดตาม ที่กิน อาหารอร่อย และเมนูอาหารแนะนำ ต้มยำกุ้ง อาหารชั้นเยี่ยมของคนไทยที่ดีที่สุด รสชาติเป็นที่ถูกใจของคนหลาย ๆ คน

ถ้าหากว่างจากการทานเมนูแสนอร่อย แอดขอแนะนำ  sharkslot ไว้เล่นแบบเพลิน ๆ ระหว่างรออาหารย่อยนะคะ