ทอดมันหัวปลี
อาหารไทย เคล็ดลับการทำอาหาร

ทอดมันหัวปลี เคล็ดลับการทำเมนูนี้ให้อร่อยจนแสงออกปากคืออะไร

ทอดมันหัวปลี เป็นเมนูอาหารที่คนต่างจังหวัดรู้จักกันดี เพราะหลายบ้านจะปลูกกล้วยไว้อย่างน้อยสัก 2-3 ต้น แล้วแต่พื้นที่จะเอื้ออำนวย บ้างก็ปลูกไว้กินผล บ้างก็ปลูกไว้ใช้ต้นใช้ใบ หัวปลีจึงเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่าย ต่อให้ต้องซื้อหาก็มีราคาไม่แพง เมนูทอดมันนี้มีรสชาติแตกต่างจากทอดมันปลาทั่วไป จะทานเป็นกับข้าวหรือลิ้นรสเป็นอาหารทานเล่นก็ได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การปรุงรสของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม คิดจะทำเมนูนี้ให้อร่อยก็ต้องมีเคล็ดลับกันสักหน่อย

ทอดมันหัวปลี

เลือกวัตถุดิบสำหรับทำ ทอดมันหัวปลี

          ไม่ใช่ว่าเห็นหัวปลีที่ไหนก็จะหยิบมาทำทอดมันได้เลย ไม่อย่างนั้น ทอดมันหัวปลี ที่ได้อาจมีรสสัมผัสแปลกปะหลาด ไม่ฝาดเกิน ขมไป ก็อาจแข็งกระด้างจนไม่น่าทาน วิธีการเลือกก็ไม่ยุ่งยาก ให้หา หัวปลี ที่มีขนาดกลางและไม่แก่จนเกินไป เราจะลอกเปลือกชั้นนอกออกจนกว่าจะเห็นโคนปลีเป็นสีเหลืองนวล ให้ใช้ส่วนในเพียงเท่านี้ก็พอ เปลือกนอกทิ้งไปให้หมด แนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

วิธีทำ ทอดมันหัวปลี

ใส่ใจกับการล้างหัวปลีก่อนทำทอดมันหัวปลี

          เนื่องจากหัวปลีจะมียางซึมออกมาเล็กน้อยเวลาหั่น และมีรสเฝื่อนติดอยู่ตามธรรมชาติ เราจึงต้องนำหัวปลีมาแช่เกลือทันทีหลังหั่น วิธีนี้จะช่วยให้ทอดมันหัวปลีไม่เป็นสีหมองคล้ำจากการที่เนื้อปลีสัมผัสอากาศ และช่วยกำจัดรสเฝื่อนออกไปบางส่วน หลังแช่น้ำเกลือแล้วให้ล้างน้ำสะอาดอีก 2-3 ครั้ง ลองชิมแบบสด ๆ ดูก่อนก็ได้ หากยังเฝื่อนหรือฝาดมากอยู่ ก็แช่น้ำเกลือซ้ำอีก

วัตถุดิบทำ ทอดมันหัวปลี

แบ่งวัตถุดิบทำทอดมันหัวปลีทีละนิด

          ในหัวปลีจะมีส่วนประกอบของน้ำอยู่ เราจึงไม่ควรแช่เนื้อปลีทั้งหมดลงในแป้งทอด เพราะน้ำจะซึมออกมาผสมกับแป้ง และทำให้สัดส่วนต่าง ๆ ผิดเพี้ยนไป ผลที่ได้ก็คือทอดมันหัวปลีอาจจะนิ่มหรือกรอบอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร ทางที่ดีกว่าให้แบ่งเนื้อปลีจุ่มแป้งเท่าที่จะทอด หมดแล้วก็ค่อยผสมใหม่ และคอยสังเกตว่าน้ำแป้งเริ่มเหลวแล้วหรือยัง ถ้าใช่ควรผสมแป้งเพิ่มจนกลับมามีเนื้อข้นเท่าเดิมตามที่ ufabet แนะนำสูตรไปอย่างแน่นอน

Latest Posts

ประวัติศาสตร์ของอาหาร
อาหารต่างชาติ เคล็ดลับการทำอาหาร

ประวัติศาสตร์ของอาหาร ส่วนผสม และอาหารต่าง ๆ จากทั่วโลก

อาหารเป็นส่วนสำคัญของทุกวัฒนธรรม และอาหาร ส่วนผสม และอาหารของแต่ละสังคมสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ค่านิยม และประเพณีของพวกเขาได้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของภูมิหลังทางวัฒนธรรมและ ประวัติศาสตร์ของอาหาร ต่าง ๆ จากทั่วโลก จะมีเมนูไหนบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ

ประวัติศาสตร์ของอาหาร ที่น่าสนใจทั่วโลก

1. พาสต้า

ประวัติศาสตร์ของอาหาร  พาสต้า

ประวัติศาสตร์ของอาหาร หนึ่งในอาหารอิตาเลียนที่โดดเด่นที่สุดที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือพาสต้า พาสต้ามีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยแหล่งที่มาบางแห่งมีต้นกำเนิดย้อนกลับไปยังกรุงโรมโบราณ และกล่าวไว้ว่าพาสต้าถือว่ากลายเป็นอาหารหลักใน อิตาลี ในช่วงยุคกลาง และแต่เดิมทีแล้วอาหารประเภทนี้ถูกทำจากข้าวสาลีดูรัมซึ่งเป็นข้าวสาลีชนิดแข็งที่มีโปรตีนสูง ปัจจุบันอาหารประเภทพาสต้าทำจากธัญพืชหลากหลายชนิดและเป็นที่นิยมทั่วโลก อีกทั้งยังถูกนำมาดัดแปลงให้มีความเข้ากันยุคสมัยมากขึ้น แนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

2. แกงกะหรี่

ประวัติศาสตร์ของอาหาร แกงกะหรี่

อาหารอีกจานที่มีรากฐานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งคือแกงกะหรี่ แกงกะหรี่เป็นคำที่หมายถึงอาหารหลากหลายประเภทที่มีรสชาติเผ็ดร้อนและการใช้ส่วนผสมของเครื่องเทศที่ซับซ้อน แกงกะหรี่มีต้นกำเนิดในเอเชียใต้ และเป็นส่วนสำคัญของอาหารอินเดีย ปากีสถาน และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้มานานหลายศตวรรษ ในอินเดีย แกงมักจะทำโดยมีส่วนประกอบของหัวหอม กระเทียม และขิง และสามารถทำกับเนื้อสัตว์ ผัก และพืชตระกูลถั่วได้หลากหลายชนิด

3. ทาโก้

ประวัติศาสตร์ของอาหาร ทาโก้

อาหารอีกประเภทหนึ่งที่มีภูมิหลังทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่หลากหลายคืออาหารเม็กซิกัน อาหารเม็กซิกันเป็นการผสมผสานระหว่างอาหารพื้นเมือง สเปน และอิทธิพลอื่นๆ และขึ้นชื่อเรื่องรสชาติจัดจ้านและการใช้ส่วนผสมอย่างพริก ข้าวโพด และถั่ว หนึ่งในอาหารเม็กซิกันที่โดดเด่นที่สุดคือทาโก้ ซึ่งเป็นตอร์ตียาข้าวโพดหรือข้าวสาลีขนาดเล็กที่ถือด้วยมือ เต็มไปด้วยส่วนผสมต่างๆ เช่น เนื้อ ชีส และผัก ทาโก้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในเม็กซิโก และทุกวันนี้พวกเขานิยมรับประทานไปทั่วโลก

ตัวอย่างอาหารเหล่านี้ที่เราได้แนะนำไปนั้นต่างมีประวัติศาสตร์ของอาหารส่วนผสม และอาหารต่าง ๆ จากทั่วโลก ตั้งแต่ประวัติศาสตร์อันยาวนานของพาสต้าและแกงกะหรี่ไปจนถึงรสชาติจัดจ้านของอาหารเม็กซิกัน อาหารเหล่านี้นำเสนอให้เห็นถึงวัฒนธรรมและประเพณีทางประวัติศาสตร์ของสังคมต่าง ๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักชิมหรือเพียงแค่สนใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การสำรวจภูมิหลังทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอาหารต่าง ๆ เป็นสิ่งที่น่าสนใจและให้ความรู้อย่างยิ่ง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยให้คนที่กำลังสงสัยเรื่องเกี่ยวกับอาหารและสตอรี่ของมันได้เพิ่มเติมความรู้ที่กำลังมองหาอยู่นะคะ

Latest Posts

น้ำยำสูตรปลาร้า
อาหารรสเด็ด เคล็ดลับการทำอาหาร

น้ำยำสูตรปลาร้า ทำอย่างไรให้อร่อยจัดจ้านเหมือนร้านต้องทำอย่างไร

เคยสงสัยบ้างไหมว่าเมนูยำที่ดูทำไม่ยาก ทำไมทำเองที่บ้านถึงรสชาติต่างจากร้านลิบลับ ทั้งที่ใส่เครื่องเหมือนกันหมด เคล็ดลับมันอยู่ที่ น้ำยำสูตรปลาร้า ซึ่งไม่ใช่แค่การเอาส่วนผสมหลายๆ อย่างมารวมกัน หากต้องการความกลมกล่อม ความหอม และความเข้มข้นที่ซึมเข้าเนื้อได้ง่าย จำเป็นจะต้องใช้สูตรยอดนิยมที่หลายร้านดังใช้กัน ซึ่งวันนี้เราก็ได้นำวิธีการทำอย่างละเอียดมาฝากกันแล้ว

น้ำยำสูตรปลาร้า

น้ำยำสูตรปลาร้า ต้องเริ่มจากการเคี่ยวน้ำตาล

          ถ้าคุณคิดจะใช้น้ำตาลทรายเพื่อทำ น้ำยำสูตรปลาร้า ก็นับว่าผิดตั้งแต่ติดกระดุมเม็ดแรก เราต้องใช้เป็น น้ำตาลมะพร้าว อย่างดี ต้องเลือกแบบที่สดใหม่และไม่มีกลิ่นเก่า นำมาผสมกับน้ำพอประมาณเพื่อป้องกันการไหม้ติดหม้อระหว่างเคี่ยว และเติมน้ำมะขามเปียกลงไปด้วย 1 ถ้วยเล็ก จะช่วยตัดไม่ให้น้ำตาลเคี่ยวหวานเลี่ยนจนเกินไป แน่นอนว่าก่อนเอาไปตั้งไฟต้องโรยเกลือป่นลงไปอีกนิดหน่อยด้วย แนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

น้ำตาลเคี่ยว น้ำยำสูตรปลาร้า

แปลงสภาพน้ำตาลเคี่ยวในน้ำยาสูตรปลาร้า

          หลังจากที่เราเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวจนละลายหมดแล้ว พอทิ้งไว้จนเย็นมันจะเหนียวข้นเป็นคาราเมล ซึ่งไม่เหมาะกับการนำมาทำน้ำยำสูตรปลาร้าต้องนำไปเทใส่เครื่องปั่นก่อน และจังหวะนี้อาจเติมน้ำมะขามเปียกที่ไม่ข้นมากลงไปอีกเล็กน้อย น้ำมะขามนี้ไม่ได้เน้นช่วยเรื่องรสชาติ แต่ทำให้การปั่นนั้นง่ายขึ้น จัดการกดปั่นน้ำตาลเคี่ยวต่อเนื่องจนกว่าจะเปลี่ยนเป็นสีขุ่น และเนื้อสัมผัสเหลวเหมือนน้ำยาทั่วไป

น้ำยำสูตรปลาร้า สูตรน้ำยำ

ปรุงรสน้ำยำสูตรปลาร้าให้จัดจ้านถึงใจ

          พอเราได้น้ำตาลเคี่ยวที่เป็นพระเอกของน้ำยำสูตรปลาร้าแล้ว ที่เหลือก็เป็นการปรุงรสตามใจชอบ แนะนำให้ใช้พริกแห้งคั่วเป็นส่วนผสมเพื่อความหอมด้วย จะใส่เป็นพริกแห้งอย่างเดียวหรือผสมกับพริกสดก็ได้ แล้วเติมน้ำปลาแท้ลงไป บีบมะนาวสดพร้อมใส่เปลือกลงไปด้วย จะได้น้ำมันหอมระเหยจากมะนาวที่ทำให้รู้สึกอร่อยยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยการใส่ผักกลิ่นฉุน เช่น ผักชีฝรั่ง ผักชีไทย เป็นต้น

Latest Posts