เอแคลร์ หรือชูครีม ที่คนไทยมักสับสนหรือเรียกชื่อสลับกันไป ซึ่งมีความแตกต่างแค่เรื่องรูปร่างของตัวขนมเท่านั้น นอกนั้นรสชาติและตัวแป้งก็คือขนมตัวเดียวกัน ซึ่งเป็นเป็นขนมจากฝรั่งเศสที่ยังอยู่ในกระแสของคนไทยจวบจนปัจจุบันนี้ โดยมักประยุกต์ไส้ในแบบไทย ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไส้สังขยา ชาไทย แต่ไส้ดั้งเดิมอย่างครีมคัสตาร์ดก็ยังคงยืนหนึ่งที่เหมาะกับตัวขนมชนิดนนี้มากที่สุด และในวันนี้เรามี 3 เทคนิคเพิ่มเติม ฉบับพ่อบ้านหรือแม่บ้านมือใหม่ที่จะลองทำเอแคลร์ ให้มีความละมุนลิ้นและยืนหนึ่งในของหวานประจำบ้านมากขึ้น

เอแคลร์ เมนูขนมจากฝรั่งเศส ที่ยังอยู่ในกระแสของคนไทยจวบจนปัจจุบัน บอกเลยว่ารสชาติอร่อย นุ่มลิ้นมาก ๆ

1.  แป้งคือผลลัพธ์ความของสำเร็จ ปฏิเสธไม่ได้ว่าแป้งนั้นคือวัตถุดิบที่ยืนหนึ่งของความสำคัญในการทำเบเกอรี่อย่างยิ่ง หากเลือกชนิดแป้งที่ไม่เหมาะสมหรือผิดเพี้ยนไปจากตำรา อาจจะเกิดความเสียหายต่อตัวขนมได้ เอแคลร์ก็เช่นเดียว ในการเลือกแป้งนั้น สามารถเลือกให้ตรงกับสไตล์ตัวเองได้เพียงแต่ต้องศึกษาผลที่ออกมาให้ดี เช่น การเลือกใช้แป้งเค้กก็จะได้ตัวขนมที่นิ่มนวลมากขึ้น ในขณะเดียวกันการใช้แป้งเอนกประสงค์ก็จะทำให้ตัวขนมนั้นพองตัวมากขึ้น สุดท้ายก็อยู่ที่ความชอบของผู้ทำ                                                                                                                                                

2.  การอบให้ได้ผลงานดั่งใจ หากขั้นตอนทำครีมสอดไส้และส่วนผสมตัวแป้ง ตามตำราที่ได้ศึกษาไว้นั้น สำเร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว  ขั้นตอนการอบตัวแป้งในลำดับถัดมาก็เป็นส่วนที่สำคัญอันดับหนึ่งโดยอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการอบมากที่สุด ก็ควรอยู่ที่ 200 องศา แล้วจึงลดลงมาเป็น 190 องศา เป็นเวลาประมาณ 20-25 นาที เพื่อให้ตัวขนมนั้นยังคงรูปลักษณ์และไม่แบนจนเกิดความไม่สวยงาม (หากต้องการให้ขนมคงตัวมากขึ้น หลังจากอบเสร็จครบนาทีแล้ว ให้ทิ้งในเตาสักประมาณ 5-10 โดยเปิดเตาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะถึงขั้นตอนการใส่ไส้ในลำดับถัดมา)                                                                        

3.  ข้อคำนึงที่อาจทำให้ขนมเสียหาย หากตัวแป้งหรือปเลือกเอแคลร์สีสันสวยงามแล้ว แต่การสอดไส้ไม่พิถีพิถันมากพออาจทำให้ขนม จบลงด้วยการทิ้งขว้างก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น ขั้นตอนการสอดไส้ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กับการผสมแป้ง โดยจะต้องพักตัวแป้งที่อบเสร็จเรียบร้อย ให้เย็นเสียก่อน หรือไส้ที่กวนผสมได้ที่แล้วก็ต้องเย็นด้วยเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจะทำให้เอแคลร์นั้นบูดและเสียเร็วได้ง่าย                 

เอแคลร์ ถึงแม้จะมีความซับซ้อนด้านการผสมของวัตถุดิบต่าง ๆ หรือแม้แต่ข้อควรระวังบางอย่างที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล แต่ก็ถือว่าเป็นขนมที่ท้าทายต่อมือใหม่ ที่หากทำสำเร็จและสวยงามแล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่มือโปรไม่ยาก   

ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก ufabet1688 ที่แบ่งปันข้อมูลดีๆ ให้เว็บไซต์ของเรา

รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด แนะนำเมนูอาหาร และ มาการอง (macaron) เมนูขนมหวานหลากสี กับสไตล์ฝรั่งเศสที่คุณต้องอยากลิ้มลอง

ขนมกล้วยบวชชี เป็นเมนูอาหารประเภทขนม ที่ใครๆก็ชอบทาน เพราะมีน้ำที่หวานมันใส่อยู่ด้วย คนทั่วไปชอบทำทานกันเองแบบง่าย ๆ ขอแค่มีวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนประกอบเป็นใช้ได้ค่ะ ซึ่งหาได้ง่ายราคาก็ไม่แพงด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่า เค้าสามารถใช้อะไรบ้างในการทำขนมชนิดนี้ ตามมาเลยค่ะ

ขนมกล้วยบวชชี ใช้กล้วยอะไรทำก็ได้ใช่หรือไม่?? บอกเลยว่าดีสุด ๆ

ที่จริงนั้น เราใช้กล้วยน้ำว้าในการทำเป็นหลัก แต่กล้วยไข่ก็สามารถนำมาทำได้เช่นกัน ส่วนมากจะนิยมใช้ประมาณนี้ กล้วยอย่างอื่นอาจมีบ้าง แต่ที่นิยมก็มีตามที่บอกไปค่ะ การที่เราใช้กล้วยน้ำว้าทำนั้น มันจะเข้ากันมากที่สุด ทั้งรสชาติหวานมันอร่อย ของน้ำกะทิที่ซึมลงไปในเนื้อกล้วย เมื่อลองทานแล้วก็จะมีแต่คนชอบ ส่วนกล้วยไข่จะออกนิ่มๆและหวานกว่าใช้กล้วยชนิดแรก อันนี้ก็ตามแต่ชอบนะคะ ใช้ได้เหมือนกันค่ะ

หอมหวานอร่อยกับขนมกล้วยบวชชีแบบไทยๆราคาไม่แพง

เวลาที่มีความอยากกินขนมชนิดนี้นั้น ในตลาดที่มีการขายขนมหวานทั่วๆไปก็จะมีขายค่ะ ราคาไม่แพงถุงละ10บาท แต่ถ้าชอบแบบเยอะๆก็สั่งพิเศษได้ไม่ติดค่ะ ยิ่งร้านที่ทำอร่อย คือแบบว่ารสชาติกลมกล่อม เราอยากทานต้องรีบไปซื้อนะคะ เพราะถ้าไปช้าหมดแน่ๆค่ะบอกเลย

ขนมกล้วยบวชชีอิ่มอร่อยทานได้ทั้งครอบครัว>>

มาถึงตรงนี้ เป็นการแนะนำให้ทำทานกันเองในครอบครัว ถ้ากรณีที่ทุกคนชอบเหมือนกัน เพราะถ้าซื้อมาทานก็คงไม่อิ่ม แถมทานได้แค่คนละถุงด้วย ในทางกลับกันถ้าเราทำทานเอง จะทานกี่ถ้วยก็ได้ เอาเท่าที่อยากทานได้เลย วิธีทำง่ายมากๆ แต่จะว่าไป ความอร่อยก็ต้องอยู่ที่ฝีมือของแต่ละบุคคลนะคะ อาจแตกต่างกันไปตามชอบค่ะ

สรุปได้ว่าขนมชนิดนี้ ถ้าที่บ้านเราปลูกกล้วยไว้ ก็ประหยัดไปอีกค่ะ เราซื้อแค่กะทิ น้ำตาล ก็นำมาทำเป็นขนมแสนอร่อยประจำครอบครัวได้แล้วค่ะ เห็นไหมคะว่าเหมาะกับความพอเพียงจริงๆ แถมอิ่มอร่อยอีกด้วย

รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด แนะนำเมนูอาหาร และ ทำขนมเค้กไม่ง้อเตาอบ ที่เด็กหอมีแค่หม้อหุงข้าวก็ กินเองได้

มาถึงเมนู ขนมไทย ยอดฮิตอีกเมนูหนึ่ง ที่สมัยก่อนนิยมทำทานกันเป็นอย่างมากนั่นเพราะสามารถทำได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วกว่าขนมหวานชนิดอื่น ๆ นั่นก็คือเมนูข้าวโพดพล่านั่นเองค่ะ หรือที่หลายคนนิยมเรียกว่า ข้าวโพดคลุก เป็นเมนูขนมหวานที่สามารถทำทานได้เองที่บ้าน และมีวิธีการทำที่ง่ายพร้อมกับงบประมาณเพียงเล็กน้อย ไม่ถึง 100 บาท หลายคนอาจหลงลืมวิธีในการทำ สำหรับวันนี้นักเขียนอยากที่จะแนะนำ วิธีทำข้าวโพดพล่า เมนูขนมหวานโบราณชวนน่าทาน ให้กับเพื่อนๆทุกคนได้ลองไปทำทานและลิ้มรสความอร่อยกันนะคะ

วิธีทำ ขนมไทย ข้าวโพดพล่า ขนมหวานโบราณ

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเมนูขนมหวานข้าวโพดพล่า

โดยวัตถุดิบที่ว่านั้นคุณสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป หลัก ๆ คือคุณควรจะใช้ข้าวโพดสายพันธุ์น้ำผึ้งเพราะข้าวโพดน้ำผึ้งจะมีสีเหลืองที่สวยงามและมีความหวานมากกว่าข้าวโพดชนิดอื่น ๆ  ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการนำมาพล่าให้เป็นเมนูขนมหวานอย่างไทย ๆ

1. ข้าวโพดน้ำผึ้ง 2-3 ฝักตามความต้องการ
2. มะพร้าวอ่อน  1 ลูก
3. น้ำตาลทราย และ เกลือ

ขั้นตอนวิธีการทำข้าวโพดพล่าเมนูขนมหวานโบราณชวนหน้าทาน

1. น้ำข้าวโพดน้ำผึ้งที่เตรียมไว้ มาต้มด้วยน้ำสะอาดพร้อมกับใส่เกลือลงไปเล็กน้อย หรือ 1 ช้อนชา ในขณะที่ต้ม ถ้าหากคุณต้องการให้ข้าวโพดต้มมีกลิ่นหอมสมุนไพร ให้คุณใส่ใบเตยลงไป 2-3 ใบในขณะที่ต้ม
2. หลังจากต้มข้าวโพดจนเสร็จแล้วให้คุณฝานข้าวโพดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามแนวยาวของฝักข้าวโพด
3. น้ำมะพร้าวอ่อนที่เตรียมไว้มาขูดให้หมดทั้งลูก ให้เป็นเส้นเล็ก ๆ แล้วนำมาโรยบนข้าวโพดที่คุณฝันไว้เมื่อสักพัก
4. นำน้ำตาลและเกลือเล็กน้อยมาโรยบนข้าวโพดและคลุกเคล้าให้เข้ากัน

เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ข้าวโพดพล่าแสนอร่อยรสกลมกล่อมไปทานกันแล้วนะคะ สำหรับ วิธีทำข้าวโพดพล่า เมนูขนมหวานโบราณชวนน่าทาน ก็มีวิธีการทำที่ไม่ซับซ้อน ดังนั้น คุณจึงควรลองไปทำกันดูนะคะ รับรองว่าคุณจะต้องติดใจในรสขนมหวานโบราณอย่างไทย ๆ แบบข้าวโพดพล่าแน่นอนค่ะ

// อาหารอร่อย // อาหารทั่วไป // ขนมขี้หนู //