โรตี ขนมหวานที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ แน่นอนว่าภาพในหัวของคุณคือ อาบังกำลังตบแป้งไปมาอย่างชำนาญ !
โรตี ขนมหวานในสังคมไทยเมื่อใดก็ตามที่เรานึกถึงเมนูอาหารที่ชื่อว่า โรตี แน่นอนว่าภาพในหัวของเราคือ อาบังกำลังตบแป้งไปมาอย่างชำนาญเป็นแน่ ซึ่งวันนี้จะมาไขข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับโรตีและอาบัง
ก่อนอื่นต้องเริ่มเท้าความก่อนว่า โรตี เป็นอาหารของชาวอินเดีย ซึ่งจะตีแป้งให้หนาและรับประทานกับแกง จวบจนชาวอินเดียเข้ามาในดินแดนแถบมลายู จึงทำให้ โรตีแกง ถูกเรียกว่า โรตีจาไน (Roticanai) ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
ส่วนคำว่าบัง หรือ อาบัง คือคำในภาษามลายูและอินโดนีเซีย ที่แปลว่า พี่ชาย แต่คนไทยที่อยู่ท่ามกลางสังคมชาวพุทธจำนวนมาก จึงมักเข้าใจผิดว่า บัง คือการเรียกแขกที่เป็นผู้ชาย
แล้วทำไมอาบังต้องขาย โรตี คำถามยอดฮิต ที่หลาย คนต่างก็สงสัย วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณ
สำหรับโรตีในประเทศไทย ก็ได้รับอิทธิพลจากการเดินทางเข้ามาของชาวอินเดียและชาวมลายู แน่นอนว่าหากเอาเมนูโรตีแกงมาขายคนไทย ยังไงเสียจะต้องเจ๊งอย่างแน่นอน เพราะคนไทยไม่ชินกลิ่นเครื่องเทศที่รุนแรง นั่นจึงทำให้อาบังที่ชำนาญการทำโรตี ต้องดัดแปลงรสชาติและกรรมวิธีการทำจนกลายเป็นของหวานในที่สุด ซึ่งหากชาวมาเลเซียหรือชาวอินเดีย มาท่องเที่ยว น่าจะต้องประหลาดใจที่เห็นเมนูอาหารจานหลักของพวกเขาถูกดัดแปลงเป็นอาหารหวาน ด้วยวิธีการเอาแป้งโรตีมาตบไปตบมา และลงทอด แต่ขนาดและความหนาลดลงไปมาก จากนั้นก็โรยนมข้นและเครื่องเคียงตามชอบ
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น โรตีในประเทศไทยยังได้ถูกดัดแปลงเป็นโรตีสายไหม โดยแขกเชื้อสายตานีในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะมีความชำนาญในการทำโรตี จึงริเริ่มด้วยการนำแป้งเหลวมาโม่บนแผ่นกระทะ เพื่อนำมารับประทานกับสายไหม ซึ่งความหอมอร่อยของโรตีสายไหมนี้ จึงทำให้กลายเป็นของดีประจำจังหวัดอยุธยาไปในที่สุด
จากการเดินทางของโรตีมาไกลแสนไกล น่าจะทำให้เราเห็นได้ว่ากว่าโรตีจะเดินทางมาถึงประทศไทยของเราต้องผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งเมื่อเมนูนี้เดินทางมาถึงไทยก็ยังคงต้องพบกับอุปสรรค ทำให้เหล่าอาบังที่มีความชำนาญในอาชีพการทำโรตี ต้องดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับรสปากของคนไทย จนกระทั่งกลายเป็นโรตีแบบไทย ๆ ที่มีแต่ที่ประเทศไทยเท่านั้น
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ ร้านกินลมชมสะพาน ร้านอาหารย่านพระราม 8 กับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บอกเลยว่าฟินสุด ๆ
ร้านแม่ลาปลาเผา อาหารขึ้นชื่อเมืองสิงห์บุรี และเป็นร้านที่โด่งดังเป็นเวลายาวนานมากกว่า 30 ปี บอกเลยว่าอร่อยสุด ๆ
ร้านแม่ลาปลาเผา จังหวัดสิงห์บุรี เมืองสิงโตแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่หมู่บ้านแห่งความทรงจำ เหล่าผู้กล้า หมู่บ้านบางระจัน ที่คอยปกป้องกรุงศรีอยุธยาจนตัวเองต้องพลีชีพไป แต่ว่าบทความนี้ผู้เขียนตั้งใจจะเล่าเรื่องของอาหารที่ขึ้นชื่อ นั่นคือปลาช่อนของแม่ลา ที่ได้ชื่อว่า “อร่อย” เนื้อปลาไม่ได้มีสีขาว แต่ออกจะอมชมพู เพราะในสมัยก่อนนั้น ที่แห่งนี้เคยเป็นที่ ๆ มีดินภูเขาไฟจึงทำให้เนื้อปลาช่อนพิเศษกว่า เนื้อปลามีสีออกชมพู เนื้อแน่น และมีความอร่อยกว่าพื้นที่อื่น ๆ
และร้าน “แม่ลาปลาเผา” เป็นร้านที่โด่งดังเป็นเวลายาวนานมากกว่า 30 ปี และมีโอกาสได้ถวายงานตามรูปถ่ายที่ร้อนได้แขวนโชว์ไว้ที่ร้าน เมื่อกล่าวถึงความอร่อยของร้านแม่ลาปลาเผาแล้ว ทางร้านก็บอกและยืนยันเลยว่าที่ร้านนั้นไม่เคยมีสาขา มีร้านที่จังหวัดสิงห์บุรีที่เดียว ร้านติดถนนหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ขาขึ้น ซึ่งมีเหมือนขวดน้ำปลาสีเขียวขวดใหญ่ ๆ เหมือนเป็นสัญลักษณ์ ให้กับทางร้านแม่ลาปลาเผา
ร้านแม่ลาปลาเผา เมื่อกล่าวถึงความอร่อยของร้านแม่ลาปลาเผาแล้ว ร้านก็บอกและยืนยันเลยว่าอร่อยสุด ๆ
ส่วนเมนูของทางร้านแม่ลาปลาเผานั้น ต้องเริ่มจากข้าวก่อน เพราะข้าวนี้พิเศษมาก จะเสิร์ฟมาในถ้วยดินเผา เพราะเป็นการหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ ที่หุงแยกมาหม้อใครหม้อมัน จะได้กลิ่นหอมดินเผาอย่างชัดเจน ซึ่งนี่แหล่ะเป็นลักษณะเด่นของร้านแม่ลาปลาเผา จังหวัดสิงห์บุรี และอาหารที่ต้องสั่งเมื่อมาร้านแม่ลาปลาเผา ก็คือ ปลาช่อนเผา ซึ่งปลาช่อนของร้านแม่ลาปลาเผา นะเสิร์ฟมากับน้ำจิ้ม 2 แบบ คือ น้ำปลาหวาน และน้ำจิ้มซีฟู้ด
ส่วนผักที่เสิร์ฟมาพร้อมกันของร้านแม่ลาปลาเผานั่นก็คือ ผักสะเดา ส้วนน้ำซุปที่ต้องมาซดคู่กันนั้น ก็จะขาดเสียไม่ได้คือ ต้มยำพุงไข่ปลาช่อน และก็ไม่ได้มีทานทุกวัน ขึ้นอยู่กับของในแต่ละวันด้วย ถ้าไม่มีให้ทาน ก็คงต้องสั่งต้มยำปลาช่อนทานแก้ขัดกันไปก่อน เมนูที่ 3 ที่แนะนำคือ ปลาช่อนแดดเดียวทอด บอกได้เลยว่าอร่อยมาก แต่ถ้าทานไม่พอ แนะนำเพิ่มเติมคือ หลดปูเค็ม และแกงคั่วหอยขม ซึ่งทางร้านทำได้อร่อยสุด ๆ สำหรับสายทานที่แท้จริง บอกได้เลยว่าคุณจะฟินตัวแตกแน่รับรองได้
ไม่ว่าจะเทศกาลกินปลาของจังหวัดสิงห์บุรีหรือเทศกาลอื่น ๆ ร้านแม่ลาปลาเผาของจังหวัดสิงห์บุรีก็ไม่เคยว่างเว้นจากลูกค้าเพราะลูกค้าเข้าตลอด และร้านแม่ลาปลาเผาเตรียมกาแฟเครื่องดื่มร้อนเย็นให้กับลูกค้าที่ต้องขับรถต่อไปอีกด้วย และร้านแม่ลาปลาเผายังมีร้านของฝาก สำหรับนักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการซื้อของฝากกลับไปฝากที่บ้าน หรือให้เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน มีทั้งปลาช่อนแดดเดียวสูตรของทางร้านแม่ลาปลาเผาเอง หรือแม้แต่เค้กปลาช่อนที่ไม่มีกลิ่นคาวปลาแม้แต่นิดเดียวเลย ถ้าอยากทราบว่าอร่อยเพียงไหนก็คงต้องไปลิ่มลองเองที่ร้านแม่ลาปลาเผา จังหวัดสิงห์บุรี
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ ร้านกินลมชมสะพาน ร้านอาหารย่านพระราม 8 กับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บอกเลยว่าฟินสุด ๆ
ร้านกินลมชมสะพาน ร้านอาหารย่านพระราม 8 กับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บอกเลยว่าฟินสุด ๆ
ร้านกินลมชมสะพาน วันนี้จะไปทานอาหารค่ำที่ไหนดี คงจะเป็นคำถามที่ปวดหัวน่าดูที่ต้องตอบในทุก ๆ วัน แต่ถ้าต้องการทานอาหารค่ำที่ได้บรรยากาศดี ๆ มองเห็นสะพานพระราม 8 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็คงจะต้องแนะนำร้านนี้แล้วล่ะ “ร้านกินลมชมสะพาน” ที่ตั้งอยู่ที่ สามเสน ซอย 3 ซึ่งร้านกินลมชมสะพานเป็นร้านที่มีความโรแมนติก เหมาะมากที่จะพาสาว ๆ ไปออกเดท ยิ่งพาไปทานยามพลบค่ำ เริ่มเปิดแสงไฟแล้ว สะพานพระราม 8 ที่สวยงาม สามารถมองเห็นได้จากโต๊ะในร้านกินลมชมสะพาน
และยิ่งไปกว่านั้นได้สัมผัสบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาราวกับว่ากำลังดินเนอร์บนเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยาก็ไม่ปาน เพียงแค่ไม่ได้อยู่บนเรือ แต่อยู่ในร้านกินลมชมสะพาน และพอค่ำอีกนิด ทางร้านกินลมชมสะพานจะมีรายการแสดงดนตรีสดให้ลูกค้าได้ฟังพร้อมกับทานอาหาร เพลงไม่ใช่จังหวะโจ๋งครึ่ม เป็นเพลงฟังสบาย ๆ เบา ๆ ให้ทานละเลียดอาหารไป ปล่อยใจให้ลอยไปตามเสียงเพลงอีกด้วย
ร้านกินลมชมสะพาน เป็นร้านที่มีความโรแมนติก บรรยากาศดี อีกทั้งอาหารยังอร่อย ๆ มาก
ลักษณะภายในของร้านกินลมชมสะพาน จะมีใน 3 ส่วน ส่วนที่เป็นห้องส่วนตัว ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ด้านในของร้าน จะไม่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาหรือสะพานพระราม 8 และจะติดแอร์ในแต่ละห้อง ส่วนถัดมาจะเปิดโล่งไม่ติดแอร์อาจจะมองเห็นสะพานพระราม 8 และวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ แต่อาจจะเห็นเป็นบางส่วนเพราะส่วนนี้จะถูกปิดหรือบังโดยหลังคา
และส่วนสุดท้ายของร้านกินลมชมสะพาน คือ ส่วนเปิดโล่ง เห็นสะพานพระราม 8 อย่างเต็มตา เห็นถึงความสวย เห็นถึงความใหญ่โต ตามชื่อของร้าน “กินลมชมสะพาน” และสัมผัสที่ได้รับเต็ม ๆ ของบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งส่วนนี้มักจะไม่ค่อยว่าง เพราะจะถูกจองเต็มตลอด ถึงแม้ว่าจะเสี่ยงกับฝนให้ฤดูฝน แต่ลูกค้าของร้านก็พร้อมที่จะเสี่ยง เพราะบรรยากาศนั้นเรียกได้ว่าคุ้มมาก
สำหรับอาหรของร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยากินลมชมสะพานนั้น ทางร้านก็ใช้วัตถุดิบสด ๆ สามารถไปเลือกชี้ที่หน้าตู้ได้เลยทีเดียว อาหารที่นำเสนอสู่ลูกค้าก็มีมากมายที่รสชาติไม่ได้เป็นลองร้านไหน ๆ เลย เรียกได้ว่า อิ่มอกอิ่มใจ อิ่ท้องอิ่มพุง ถ้าจะให้ยกตัวอย่างอาหารที่ควรสั่งมาทานแล้วละก็ คงไม่พ้นอาหารซีฟู้ด ขอตัวยกตัวอย่างที่ลูกค้าร้านกินลมชมสะพานชื่นชอบ
และสั่งมาทานกันเยอะ ๆ เช่น ข้าวอบสับปะรด ทอดมันกุ้ง ปลาท่องโก๋ไส้กุ้ง โป๊ะแตก ปูนิ่มทอดกระเทียม ยำใหญ่ ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว น้ำพริกไข่ปู ขาหมูเยอรมัน ส่วนขนมหวานนั้นทางร้านกินลมชมสะพานได้เตรียมทั้ง ผลไม้ ขนมไทย ขนมเค้ก หรือแม้แต่ไอศครีม ถ้าอยากรับรู้ความอร่อยของร้านกินลมชมสะพาน ก็ต้องไปทานเองที่สามเสน ซอย 3 แล้วคุณจะรู้ว่าบรรยากาศที่อร่อยเป็นเช่นไร
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ ร้านดาวคะนอง อาหารล้านนา จังหวัดลำพูน อร่อยแบบพื้นเมือง บอกเลยว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาดกับรสชาติความอร่อย !
ร้านดาวคะนอง อาหารล้านนา จังหวัดลำพูน อร่อยแบบพื้นเมือง บอกเลยว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาดกับรสชาติความอร่อย !
ร้านดาวคะนอง ที่มาถึงจังหวัดลำพูนแล้วไม่ได้ทาน คงถือว่ามาไม่ถึงจังหวัดลำพูนเป็นแน่แท้ “ร้านอาหารดาวคะนอง” เป็นร้านที่มีสาขาในลำพูน 2 แห่ง คือร้านที่อยู่กลางเมือง และร้านที่อยู่ติดกับถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ – ลำปาง ขาล่อง ตามประวัติแล้ว ร้านอาหารล้านนาดาวคะนอง เป็นร้านของนักมวยของลำพูนที่ชื่อดาวคะนอง ร้านนี้เปิดมายาวนาน อาจจะมากกว่า 40 ปี
เพราะตั้งแต่ผู้เขียนยังเป็นเด็กก็จำได้ว่าได้ทานร้านอาหารล้านนาดาวคะนอง นี้แล้ว และร้านที่มีลูกค้าเข้าเยอะมากก็คือร้านที่ตั้งอยู่ริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์นี่แหล่ะ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาจะต้องสั่งอาหารเมือง ทั้งนั่งทานที่ร้าน ทั้งสั่งกลับบ้าน ก็ของทางร้านดาวคะนองอร่อยจริง ๆ เรียกได้ว่าแขกบ้านแขกเมืองที่ไปเยี่ยมไปเยือน เชียงใหม่ ลำพูน ก็มักจาไปทานที่ร้านนี้กันทั้งนั้น
ร้านดาวคะนอง ที่เปิดนานมาหลายสิบปี ทั้งยังรสชาติอาหารอร่อยและคงความสะอาดเป็นอย่างมาก
เมนูอาหารล้านนาของร้านดาวคะนองที่ไม่ว่ากี่สิบปี เมื่อมีลูกค้ามาทานก็ต้องสั่งคงจะมีอาหารเมืองอย่าง ลาบหมูคั่ว ลาบหมูดิบ หลู้ แกงอ่อมหมู ปีกไก่ทอด แกงแค จอผักกาด ออเดิร์ฟเมือง นี่เป็นเพียงอาหารที่เรียกได้ว่าลูกค้าสั่งบ่อย ๆ และแน่นอนว่าถ้าทานอาหารเมืองของร้านอาหารดาวคะนองแล้ว สั่งข้าวสวยมากินก็อาจจะไม่ได้บรรยากาศ เพราะฉะนั้นควรสั่งข้าวนึ่งหรือข้าวเหนียวมาทานคู่กันกับอาหารที่สั่ง
ลักษณะของการเสิร์ฟข้าวเหนียวก็ไม่ได้ใส่กระติ๊บ หรือถุงพลาสติกเหมือนร้านอาหารอื่น ๆ ความเก๋ของร้านาอาหารดาวคะนองก็เด็ดรงนี้แหล่ะ คือการนำเอาข้าวนึ่งหรือข้าวเหนียวห่อใส่ใบตอง และใส่กระจาดมาเสิร์ฟลูกค้า และที่นี่ยังมีอาหารล้านนาทิ่เรียกว่าอาจจะไม่ค่อยได้ทานกัน อย่าง แอ๊บอ่องออ (ลักษณะเหมือนห่อหมก คนภาคกลางเรียกว่าห่อหมกสมองหมู) แอ๊บอีฮวก (คนภาคกลาง เรียกว่า ห่อหมกลูกอ๊อด) แอ๊บปลาหน้อย (คนภาคกลาง เรียกว่า ห่อหมกปลาน้อย) เป็นต้น
ถ้าจะว่าถึงความอร่อยของร้านอาหารล้านนา เต็มร้อยคงให้ร้อย เพราะว่าไม่อร่อยร้านนี้คงไม่อยู่ยั้งยืนยงมาถึงหลายสิบปี ส่วนเรื่องความสะอาดนั้น บอกได้เลยว่าร้านริมถนน แต่หาฝุ่นเข้าไปได้ยากมาก พ่อครัว แม่ครัว ใส่หมวกคลุมผม ผ้ากันเปื้อน ถุงมือ ผ้าปิดปาก ทอดหมู ทอดไก่กันให้เห็นหน้าร้านกันเลย ราคาของอาหารแต่ละอย่าง ก็ไม่ได้แพงกว่าร้านอาหารอื่น ๆ ความสมราคา ระหว่างปริมาณ และราคาร้านอาหารดาวคะนองก็คงความเป็นดาวคะนองไม่แพงมากมาย อาศัยให้ร้านอยู่ได้ ลูกจ้างในร้านอยู่ได้ ซึ่งก็ถือได้ว่าคุ้มราคา และถ้าต้องการทานของหวาน หรือผลไม้ล้างปาก ร้านอาหารดาวคะนองก็มีจัดเตรียมให้กับลูกค้าของทางร้านอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงเรียกได้ว่า ร้านอาหารดาวคะนองทั้งเก่าแก่ ทั้งอร่อย และคุ้มราคา
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ ร้านระเบียงทะเล อาหารทะเล ณ บางปู ร้านเด็ดเป็นอันดับต้น ๆ กับบรรยากาศริมชายหาดที่ดีสุด ๆ
ร้านระเบียงทะเล อาหารทะเล ณ บางปู ร้านเด็ดเป็นอันดับต้น ๆ กับบรรยากาศริมชายหาดที่ดีสุด ๆ
ร้านระเบียงทะเล ถ้าคิดถึงอาหารทะเลใกล้ ๆ กรุงเทพฯ หลายคนคงคิดถึงหลาย ๆ ที่ ไม่ว่าบางขุนเทียน บางแสน แม่กลอง แต่ก็มีหลาย ๆ คนคิดถึงบางปูเช่นเดียวกัน ทั้งบรรยากาศ ทั้งรสชาติ ก็คงจะปฎิเสธไม่ได้เลยว่าอาหารทะเลที่นี่ก็เด็ดเป็นอันดับต้น ๆ และถ้าอยากได้บรรยากาศแบบว้าว ๆ ประมาณว่าทานดินเนอร์อาหารค่ำ ที่เป็นอาหารทะเลริมชายหาดขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับเหลี่ยมเมฆาสีแดงส้มค่อย ๆ เลือนลับหายไปกับท้องทะเล มีเสียงนกนางนวล และได้เห็นนกนางนวลบินว่อนกันให้เต็มท้องฟ้า บรรยากาศแบบโรแมนติคสุด ๆ ก็คงต้องเป็นที่นี่ “ระเบียงทะเล”
ร้านระเบียงทะเล สาขาหลักบางปู กับบรรยากาศที่โรแมนติก และอาหารอร่อยหลากหลายเมนู
ร้านระเบียงทะเลมี 2 สาขา (ไม่แน่ใจว่ามีเพิ่มเติมอีกไหม) คือสาขาแรกที่บางปู และอีกสาขาที่บางนา แต่ถ้าจะทานอาหารให้ได้บรรยากาศ และอรรถรสแบบทะเล๊ ทะเล ก็ต้องสาขาหลักที่บางปู ซึ่งถ้าให้คะแนนเต็ม 5 เรามาดูกันว่า ระเบียงทะเลบางปู จะได้คะแนนประมาณไหน บรรยากาศให้ 5 เต็มไปเลย เพราะร้านระเบียงทะเลมีบรรยากาศที่โรแมนติก ริมชายทะเล ยิ่งไปทานยามพระอาทิตย์ใกล้ตกยิ่งสวยงาม เหมาะมากที่จะไปกับคู่รัก
หรือจะไปทานกันแบบครอบครัวก็เรียกได้ว่าครบทุกบรรยากาศ ความสดของอาหารทะเล ให้ 5 เต็มไปเลย เพราะตั้งแต่ที่ไปทานร้านระเบียงทะเลไม่เคยมีกลิ่นที่ไม่สดเลย และไม่มีกลิ่นคาวอีกด้วย ความสะอาด ทั้งเรื่องของอาหาร เรื่องของสถานที่ และเครื่องแต่งกายของพนักงาน ก็คงจะต้องบอกว่าให้ 5 เต็มอีกเช่นเดียวกัน เพราะไม่เคยไม่ประทับใจเรื่องนี้เลย
ความอร่อย ให้ 4.5 รสชาติร้านระเบียงทะเล ไม่เป็นรองร้านอาหารทะเลที่ไหน ๆ เลย อร่อยมาก สุดท้ายความสมราคา อันนี้ให้ 4.5 เพราะราคาแอบบแพง แต่ว่าก็คุ้มค่าคุ้มราคามาก เพราะจานใหญ่ได้เยอะ ทานกันจุก ๆ กันไปเลย
ส่วนเรื่องเมนูนั้น บอกได้เลยว่าร้านระเบียงทะเลมีเมนูคาว หวานเยอะมาก ส่วนอาหารทะเลนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยคงต้องให้เครดิตกันเต็ม ๆ ถ้ามาทะเลคงต้องสั่งทะเลเผามาทานกันก่อน ซึ่งร้านระเบียงทะเล เตรียมไว้ก็มีทั้ง ปู ปลา กุ้ง หอย เรียกได้ว่ายกทะเลมากันเลยทีเดียว
แต่ไม่หมดเพียงเท่านี้ ร้านระเบียงทะเลยังมีเมนูที่มาทะเลต้องเรียกทาน คือ ข้าวผัดทะเล ที่เรียกได้พาเหรดอาหารทะเลมาในแบบระเบียงทะเลกันเลยทีเดียว ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียวหรือไข่ปลาริวกิว ผัดหมี่กระเฉดกุ้งสดก็อร่อย ส่วนขนมหวานนี่ก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่ว่าถ้าใครชอบของหวานแบบไหนคงต้องไปเลือกทานกันเอง แต่สำหรับของคาวแล้วนั้น ถ้าไม่ได้ทานตามที่แนะนำไป บอกได้เลยว่าเสียดายแน่นอน
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ เมนูหน่อไม้ดองผัดกระเพรา เป็นอาหารภาคกลางที่คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานกันอย่างมาก บอกเลยว่าอร่อยสุด ๆ
เมนูหน่อไม้ดองผัดกระเพรา เป็นอาหารภาคกลางที่คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานกันอย่างมาก บอกเลยว่าอร่อยสุด ๆ
เมนูหน่อไม้ดองผัดกระเพรา สำหรับวันนี้เราจะพามาประกอบอาหารเป็นเมนูหน่อไม้ดองผัดกระเพรากัน สำหรับเมนูนี้เป็นเมนูที่เราใช้หน่อไม้ดองมาประกอบเป็นอาหารภาคกลาง โดยปกติหน่อไม้ดองมักนิยมนำมาประกอบอาหารของภาคอีสานกัน สำหรับรสชาติจะเป็นอย่างไร อร่อยแค่ไหน เราไปดูพร้อม ๆ กันเลย
วิธีทำ และวัตถุดิบที่ใช้สำหรับทำ เมนูหน่อไม้ดองผัดกระเพรา แสนอร่อย จะมีอะไรบ้าง ?
1.เนื้อหมู ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด
2.กระเทียม ปริมาณ 3 -5 กลีบ
3.พริกขี้หนู ปริมาณ 3 -5 เม็ด
4.ใบกระเพรา ปริมาณ 1 กำมือ
5.หน่อไม้ดอง ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด
6.พริกชี้ฟ้า ปริมาณ 1 – 2 เม็ด
7.น้ำมันพืช
8.น้ำปลา 1/2 ช้อนชา
อุปกรณ์การทำเมนูหน่อไม้ดองผัดกระเพรากัน
1.กระทะ
2.ตะหลิว
3.มีด
4.เขียง
5.จานสำหรับวางพักวัตถุดิบ
กรรมวิธีการทำเมนูหน่อไม้ดองผัดกระเพรากัน
1.นำเนื้อหมู ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด มาล้างให้สะอาด ตั้งจนสะเด็ดน้ำ จากนั้นสับจนละเอียด เราจะได้หมูสับ ใส่จานวางพักไว้
2.นำหน่อไม้ดอง ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด มาล้างให้สะอาด ควรล้างแบบผ่านน้ำประมาณ 4 – 5 น้ำ ตั้งให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นหั่นเป็นเส้นๆ แล้วจึงหั่นต่อให้มีขนาดพอดีคำ ใส่จานวางพักไว้
3.นำพริกชี้ฟ้าสีแดง ปริมาณ 1 – 2 เม็ด มาล้างให้สะอาด เด็ดขั้วพริกออก จากนั้นหั่นเฉียงแล้วใส่จานวางพักไว้
4.นำพริกขี้หนูมาล้างให้สะอาด จากนั้นเด็ดขั้วพริกออก
5.ทุบพริกขี้หนู ปริมาณ 3 -5 กลีบ และกระเทียม ปริมาณ 3 – 5 เม็ด
6.เด็ดใบกะเพราปริมาณ 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ตั้งจนสะเด็ดน้ำ ใส่จานวางพักไว้
7.นำกระทะมาตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย รอจนน้ำมันร้อนได้ที่
8.ใส่พริกและกระเทียมลงไปทอด จนหอมได้ที่
9.จากนั้นเติมเนื้อหมู ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด ที่เตรียมไว้ลงไป ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน จนเนื้อหมูใกล้สุก เติมหน่อไม้ดอง ปริมาณ 200 กรัม หรือ 2 ขีด ที่เตรียมไว้ลงไป ผัดคลุกเคล้าจนหน่อไม้ดองเริ่มเปลี่ยนสี
10.ใส่น้ำปลาลงไป 1/2 ช้อนชา ผัดคลุกเคล้าจนเข้ากัน
11.เติมใบกะเพราและพริกชี้ฟ้าลงไปผัดคลุกเคล้าจนเข้ากัน ตักใส่จานพร้อมเสริฟ์
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ อาหารเพื่อสุขภาพ ได้ที่นี่
ร้านอาหารโรแมนติก บรรยากาศดี อาหารอร่อย ที่บอกเลยว่า คนมีคู่ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด !!
ร้านอาหารโรแมนติก หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารสุดโรแมนติกสักร้าน เพื่อรับประทานอาหารมื้อค่ำกับคนรู้ใจของคุณก็ไม่ควรพลาดบทความนี้ เพราะบทความเกี่ยวกับอาหารนี้จะมาแนะนำร้านอาหารสุดโรแมนติกวิวดีที่คนมีคู่ต้องไป รับรองว่าในวันพิเศษของคุณจะมีความทรงจำที่สุดแสนประทับใจอย่างแน่นอน
แนะนำ 4 ร้านอาหารโรแมนติก กับอาหารรสชาติที่ยอดเยี่ยมแบบสุด ๆ จะมีร้านไหนบ้าง ? มาดูกัน
ร้านอาหารสุดโรแมนติกวิวดีที่คนมีคู่ต้องไป และห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดก็คือ “The Deck by Arun Residence” เป็นหนึ่งในร้านอาหารสุดโรแมนติกที่เหมาะกับโอกาสในวันพิเศษของคุณเป็นอย่างมาก เพราะที่ร้านอาหารแห่งนี้สามารถที่จะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างกว้างขวาง ทั้งยังสามารถที่จะมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็นได้อีกด้วย บอกเลยว่าบรรยากาศนั้นโรแมนติกสุด ๆ นอกจากนี้อาหารก็ยังมีรสชาติที่ยอดเยี่ยม และ Premium เข้ากับบรรยากาศสุดหรูเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“Villa De Bear” หากคนรู้ใจของคุณชอบบรรยากาศโรแมนติกที่สุดแสนจะน่ารัก ต้องที่ร้านอาหารแห่งนี้เลย เพราะจะทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนของเหล่าหมีน้อยที่แสนน่ารัก หากแฟนของคุณชอบตุ๊กตาหมีรับรองเลยว่าจะต้องถูกใจร้านอาหารแห่งนี้อย่างแน่นอน และไม่เพียงแต่บรรยากาศเท่านั้น อาหารก็ยังมีการตกแต่งที่น่ารักเป็นอย่างมาก บอกได้คำเดียวเลยว่าคนมีคู่ต้องไปให้ได้
“Bavarian Field” ร้านอาหารสุดโรแมนติกวิวดีสไตล์ Country ยุโรปที่คนมีคู่ต้องไปให้ได้ เพราะมีบรรยากาศที่โรแมนติกเหมาะกับวันพิเศษ ๆเป็นอย่างมาก อีกทั้งอาหารก็ยังอร่อย และมีความหรูหราเป็นอย่างมากเลยทีเดียว รับรองเลยว่าหากคุณได้พาคนรู้ใจของคุณมาที่ร้านอาหารสุดโรแมนติกแห่งนี้จะได้ความทรงจำดี ๆ และความประทับใจจากการบริการที่แสนยอดเยี่ยมของร้านอาหารแห่งนี้อย่างแน่นอน
“Wonderful Pearl Cruise” ร้านอาหารสุดโรแมนติกวิวดีภายในเรือ Wonderful Pearl ลำใหญ่ที่จะพาคุณล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับ Buffet อาหารในค่ำคืนที่สุดแสนจะพิเศษ ทั้งดนตรีที่คลอเบา ๆตลอดเส้นทาง อาหารรสชาติยอดเยี่ยม และบรรยากาศกลางน้ำ รับรองเลยว่าคนรู้ใจของคุณจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน ทั้งยังช่วยเพิ่มความแปลกใหม่ในการรับประทานอาหารอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารในเรือที่คนมีคู่ต้องไปให้ได้
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ ตะลุยกิน ร้านจิ้มจุ่มรสเด็ด กับบรรยากาศที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายจากซุปร้อน ๆ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด !!
ตะลุยกิน ร้านจิ้มจุ่มรสเด็ด กับบรรยากาศที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายจากซุปร้อน ๆ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด !!
ร้านจิ้มจุ่มรสเด็ด ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้เป็นบรรยากาศที่เหมาะกับการหาร้านจิ้มจุ่มสักร้านนั่งรับประทานเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายจากซุปร้อน ๆ ของจิ้มจุ่ม บทความเกี่ยวกับอาหารนี้จึงจะพาไปตะลุยกินจิ้มจุ่มรสเด็ดที่หากไม่ได้ไปถือว่าพลาด รับรองเลยว่าเด็ดทุกร้านอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วตามบทความนี้ไปเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายกันเลย
แนะนำ 4 ร้านจิ้มจุ่มรสเด็ด หากใครไม่ได้ไปถือว่าพลาดมาก จะมีร้านไหนกันบ้าง ?
ตะลุยกินร้านจิ้มจุ่มรสเด็ดที่หากไม่ได้ไปถือว่าพลาดร้านแรกที่บทความนี้จะพาไปตะลุยกินก็คือ “อะไรในไห” แค่ชื่อร้านก็แปลกแหวกแนวน่าค้นหาเป็นอย่างมากแล้ว ร้านจิ้มจุ่มร้านนี้เป็นแบบ Buffet สามารถตักได้ไม่อั้น และจุดเด่นก็อยู่ที่การนำน้ำจิ้ม และอาหารต่าง ๆมาใส่ไว้ในไห ซึ่งมีความแปลกแหวกแนวเป็นอย่างมาก และนอกจากจิ้มจุ่มที่จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายของคุณแล้วก็ยังมีส้มตำที่สามารถตำเองได้ ใครชอบรสชาติแบบไหนก็สามารถจัดกันได้อย่างเต็มที่เลย
“จิ้มจุ่ม by ตี๋เอง” ร้านจิ้มจุ่มแห่งนี้อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยสวนสุนันทา จึงทำให้มีนักศึกษามารับประทานกันแน่นร้านแทบจะทุกวันเลยทีเดียว ด้วยรสชาติสูตรเด็ดของน้ำซุปจิ้มจุ่ม แต่หม้อจิ้มจุ่มของที่ร้านแห่งนี้จะคล้าย ๆกับหม้อของชาบู และเป็นเตาแก๊ส เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า แต่รับรองว่ารสชาติอร่อยเด็ดเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
“จิ้มจุ่มสุทธิพรเจ้าเก่า” จิ้มจุ่มสไตล์อีสานแท้ ๆ ตั้งแต่รสชาติน้ำซุปจิ้มจุ่มไปจนถึงเมนูอาหารอีสานต่าง ๆ บอกเลยว่าแซ่บสไตล์อีสานทุกเมนูอย่างแน่นอน ในเรื่องของความอร่อยเด็ดนั้นดูได้จากลูกค้าที่แน่นร้านทุกวัน บอกได้คำเดียวเลยว่าหากไม่ได้ไปกินถือว่าพลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งร้านจิ้มจุ่มสูตรเด็ดที่ว่านี้ก็ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของโรงแรม B.U. Place ในซอยประชาสงเคราะห์ 2 นั่นเอง
“โคขุนคุณทอง” ร้านจิ้มจุ่มรสเด็ดที่หากไม่ได้ไปถือว่าพลาด ร้านจิ้มจุ่มแห่งนี้มีสาขามากมายทั่วจังหวัดกรุงเทพ ซึ่งก็สามารถที่จะการันตีในเรื่องของความอร่อยได้เลย ทั้งยังสะดวกต่อการเดินทาง เพราะมีมากมายหลายสาขา ใครสะดวกสาขาไหนก็สามารถไปได้ เพราะอร่อยเหมือนกันทุกสาขาอย่างแน่นอน และที่ร้านจิ้มจุ่มแห่งนี้ก็ไม่ได้มีแต่เพียงเนื้อวัวเหมือนชื่อร้านเท่านั้น ใครที่รับประทานหมูที่ร้านจิ้มจุ่มก็มีให้บริการเช่นกัน
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ เมนู เต้าหู้ แสนอร่อย กับคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพของคุณ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย
เมนู เต้าหู้ แสนอร่อย กับคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพของคุณ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย
เมนู เต้าหู้ เป็นอาหารยอดนิยมในช่วงเทศกาลกินเจ ไม่ว่าจะเป็น เมนูกระเพราเต้าหู้ เต้าหู้ทอด เต้าหู้ทรงเครื่อง ต้มจืดเต้าหู้ เต้าหู้เป็นแหล่งโปรตีนธรรมชาติทั้งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ อีกทั้งเต้าหู้ยังเป็นอาหารย่อยง่ายเป็นผลดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ในปัจจุบันเมนูเต้าหู้ยังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้รักสุขภาพและผู้ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ หรือผู้ที่รับประทานมังสาวิรัต ดังนั้นเราจึงเลือกเมนูเต้าหู้แสนอร่อยมีประโยชน์มาฝากคุณ 3 เมนูค่ะ
แนะนำ 3 เมนู เต้าหู้ แสนอร่อย ที่บอกว่านอกจากจะประโยชน์เยอะแล้ว ความอร่อยก็ไม่แพ้กัน !
1.หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ เราขอนำเสนอเมนู เต้าหู้เย็นญี่ปุ่น อันเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณ อาหารญี่ปุ่นแต่ละมื้อมักมีอาหารและเครื่องเดียงหลายชนิดจัดมาในสำรับเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ เต้าหู้เย็นญี่ปุ่นที่ราดด้วยซอสญี่ปุ่นหรือโชยุให้มีรสชาติเค็มนิด ๆ โรยด้วยปลาแห้งและต้นหอมซอย
2.ผัดเต้าหู้กับบล็อกโคลี่ เมนูแสนดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพคุณสุดๆ ก่อนอื่นคุณควรทอดเต้าหู้ให้เหลืองทองและนำมาผัดกับบล็อกโคลี่ปรุงรสตามที่คุณชอบ เพิ่มรสเผ็ดเล็กน้อยด้วยพริกสดสีแดงได้ทั้งรสชาติและสีสันอาหารที่สวยงามเพิ่มความน่ารับประทาน กินผัดเต้าหู้คู่กับข้าวสวยร้อน ๆ สักจานแค่นี้ก็อิ่มอร่อยพร้อมรับคุณประโยชน์ไปเต็ม ๆ
3.เมนูเต้าหู้ทอด กรอบนอกนุ่มในกินกับน้ำจิ้มผสมถั่วลิสงป่นเล็กน้อย เพิ่มรสชาติและความกรุบกรอบให้เต้าหู้ทอดอร่อยยิ่งขึ้น เต้าหู้ทอดกรอบสีเหลืองทองนิยมขายกันมากในช่วงเทศกาลกินเจ และยังมีเมนูเผือกทอด ข้าวโพดทอดอีกด้วย คุณควรเลือกร้านเต้าหู้ทอดที่ใช้น้ำมันสะอาดไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำกันหลายเที่ยวจนน้ำมันเปลี่ยนเป็นสีค่อนข้างดำ เพื่อการรับประทานเมนูเต้าหู้ทอดให้เป็นประโยชน์ต่อคุณ
เมนูอาหารเต้าหู้เป็นอาหารที่ย่อยง่ายอาจทำให้คุณไม่อิ่มท้อง ดังนั้นคุณควรรับประทานเต้าหูกับอาหารประเภทอื่น ๆ ที่ถูกตามหลักโภชนาการ เพื่อให้คุณอิ่มท้องและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ Keep in touch คาเฟ่เมืองเหนือ กับบรรยากาศที่สดชื่นต้อนรับอากาศหนาว อีกทั้งรสชาติของอาหารยังอร่อยอีกด้วย
Keep in touch คาเฟ่เมืองเหนือ กับบรรยากาศที่สดชื่นต้อนรับอากาศหนาว อีกทั้งรสชาติของอาหารยังอร่อยอีกด้วย
Keep in touch หลายคนเริ่มที่จะออกเดินทางไปพักผ่อนตามต่างจังหวัดกันมากขึ้น และจังหวัดที่ได้รับความนิยมหลังจากปลดล็อกสถานการณ์ โรคร้าย Covid-19 แล้ว นั่นก็คือจังหวัดที่กำลังชุ่มชื้นและรับอากาศหนาวยามเช้าอย่างจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายต่อหลายคนเดินทางและเตรียมจองเป็นทริปปลายปีในประเทศ เพราะไม่สามารถออกไปเที่ยวในต่างประเทศได้ จึงทำให้ตัวเลือกที่จะเที่ยวในประเทศมีอยู่ไม่กี่จังหวัดนั่นเอง
แนะนำ Keep in touch คาเฟ่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ชวนให้ทุกคนมาลอง กับบรรยากาศรับลมหนาว
อย่างที่ทุกคนรู้กันอย่างดีว่า ด้วยสภาพอากาศและภูมิประเทศ ลักษณะบ้านเมืองและผู้คนถือเป็นจุดเด่นให้กับเมืองท่องเที่ยวอย่างจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ร้านคาเฟ่ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในปัจจุบันที่สร้างจุดเด่นให้กับจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย ซึ่งร้านที่เราจะชวนให้ทุกคนมาลองไปชิวกับบรรยากาศน่านั่ง รับลมหนาว ก็คือร้าน Keep in touch
ทางตัวร้าน Keep in touch นั้นได้ตกแต่งในสไตล์ รัสติก โฮม ใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าแบบคลาสสิค เน้นฟิลกระจกเยอะ ๆ เหมือนเรือนกระจก ณ กลางส่วนใหญ่ ภายในร้านเน้นโทนสีน้ำตาลแสดงถึงความเป็นไม้ ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ที่ได้เข้าไปนั่งเล่น สีสบายตา ทำให้ไปแล้วเหมือนนั่งทานของว่าง หรือนัดเพื่อนไปนั่งเล่นในบ้านของตัวเอง
ทางร้าน Keep in touch ได้มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ทั้งอาหารไทยและยุโรป หรือเครื่องดื่มเด็ดอย่างน้ำอัญชันน้ำผึ้งมะนาว เมนูสไตล์อาหารไทยมิกซ์กับยุโรปอย่าง สเต็กปลากะพงกับซอสต้มผัดข่าก็น่าสนใจไม่น้อย ของหวานก็มีดีไม่แพ้กันกับ ชูครีมที่สอดไส้รสชาติแสนอร่อยกับไอศกรีมรสเบอร์รี่ ซึ่งร้านแห่งนี้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน สามารถมาจบที่ร้านนี้ได้ร้านเดียว
ใครผ่านไปผ่านมา อย่าลืมแวะมานั่งเล่นกับร้าน Keep in touch ที่ตั้ง 24/21 ถนนชลประทาน เทศบาลนครเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ (เข้าไปในซอยข้าง ๆ ก่อนถึงสนามฟุตบอลกอลิล่า ก่อนทางลอดไปศาลากลางเมืองเชียงใหม่)โดยจะเปิดให้บริการ 2 ช่วงคือ อาหารกลางวัน 10.05 น. -17.05 น. และอาหารเย็น: 17.05 น. -22.05 น.
รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องไม่ผิดหวังกับทุกเมนูเด็ด อาหารเด็ด และ แกงไตปลา เมนูขึ้นชื่อของภาคใต้ ที่รสชาติรสชาติเผ็ดร้อนถึงใจ หากใครได้ลองทานแล้ว รับรองว่าจะติดใจ !!