5 ผัก เก็บนอกตู้เย็นได้นาน เป็นอาทิตย์ เคล็ดลับดี ๆ ที่คุณแม่บ้านไม่ควรพลาด
5 ผัก เก็บนอกตู้เย็นได้นาน ปัจจุบันนี้การกักตุนอาหารเอาไว้ในระยะเวลายาวนานเป็นสิ่งสำคัญเพราะมีหลายคนที่ไม่อยากจะออกนอกบ้านอันเนื่องมาจากปัญหาโรคระบาด covid-19 หรือต้องการที่จะหนีฝุ่น PM 2.5 การกักตุนอาหารเป็นจำนวนมากบางครั้งอาจจะต้องเก็บอาหารสดต่างๆเอาไว้เต็มตู้เย็น ดังนั้นวิธีการบริหารจัดการตู้เย็นจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเราควรที่นำอาหารสดและอาหารที่เสียง่ายเก็บแช่ไว้ในตู้เย็นก่อนเป็นอันดับแรกจะดีที่สุด และเก็บวัตถุดิบการปรุงอาหารที่เน่าเสียยากไว้นอกตู้เย็น เพื่อเป็นการบริหารตู้เย็น ไม่จำเป็นต้องซื้อตู้เย็นใหม่นั่นเองส่วนใหญ่สิ่งที่เก็บไว้นอกตู้เย็นได้ในระยะเวลายาวนานจะเป็นผัก ที่มีลักษณะเป็นหัวที่ขึ้นจากดิน ซึ่งสามารถเก็บไว้นอกตู้เย็นได้ถึง 1 สัปดาห์หรืออาจจะนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรจะเก็บไว้เกิน 10 วัน พยายามกินให้หมดก่อนภายใน 10 วันก็น่าจะดีที่สุด เพราะความสดของผักจะทำให้รสชาติอาหารอร่อย
5 ผัก เก็บนอกตู้เย็น ได้นาน ๆ ในช่วงกักตัวโควิดมีอะไรบ้างมาดูกัน
- ผักกาดขาว
ผักกาดขาวปรุง อาหารอร่อย ได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นผัดหรือแกงจืด ใส่ในต้มยำน้ำข้นก็ได้ ผักนี้เป็นหัวขึ้นจากดิน ลักษณะนี้สามารถเก็บไว้ได้นานเลยทีเดียว
- กะหล่ำปลี
คุณสมบัติของกะหล่ำปลีก็ไม่ได้ต่างจากผักกาดขาวเลย สามารถทำอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปอเปี๊ยะกะหล่ำปลีหรือผัดผักหรือใส่ในต้มยำน้ำข้นก็อร่อย เก็บไว้นอกตู้เย็นได้นาน
- แครอท
พืชหัวที่ขึ้นจากดินแบบนี้ก็เก็บไว้ได้นานเช่นกัน แครอทจริงๆแล้วเก็บได้นานเกิน 1 อาทิตย์นะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนที่เราไปซื้อถูกเก็บมานานแค่ไหนแล้วด้วยเช่นกันทั้งนั้นกินให้หมดภายใน 7- 10 วันจะดีที่สุด ส่วนหัวถ้าตัดแล้วนำไปฝังดินก็อาจจะขึ้นมาใหม่ให้เราได้กินด้วย เพราะผักประเภทนี้สามารถขึ้นจากดินได้ง่าย
- ชุดต้มยำ ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด
ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดทำเมนู ต้มยำกุ้ง เก็บไว้นอกตู้เย็นได้นานเป็นสัปดาห์ แต่ใบมะกรูดมีความจำเป็นอาจจะต้องใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ คลุมไว้บ้างกันแห้ง
- มะนาว
มะนาวเก็บนอกตู้เย็นได้นาน แล้วเราก็ยังสามารถใช้เทคนิคคนโบราณมาใช้ร่วมด้วย ซึ่งอาจจะเก็บได้นานกว่าสัปดาห์ก็ได้ อย่างเช่นการหาทรายมาพรมน้ำแล้วฝังมะนาวเอาไว้เป็นการเก็บความชื้นให้มะนาวได้
ผักที่กล่าวมา หากนำผ้ามาชุบน้ำให้หมาด(ห้ามเปียก)แล้วคลุมผักเอาไว้บ้างก็จะเป็นการช่วยให้คงความความสดได้อีกนิดหนึ่งด้วย ลองดูนะ
3 วิธี เก็บกระเทียม แบบง่ายๆ เก็บไว้นาน ๆ ที่คุณแม่บ้านต้องรู้
3 วิธี เก็บกระเทียม ตอนเด็กๆเคยคิดว่าเป็นเพราะกระเทียมช่วยทำให้เกิดความหอม อาหารไทยตั้งแต่สมัยโบราณจึงมักจะชอบใส่กระเทียมลงไปในเวลาทำผัดทอดต่างๆ แต่พอโตมาจึงรู้ว่ากระเทียมมีประโยชน์มากมาย เพราะนอกจากความหอมแล้วจริงๆกระเทียมจะช่วยลดคลอเรสเตอรอล ลดไขมัน เพิ่มการเผาผลาญ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมคนโบราณถึงรู้เกี่ยวกับโภชนาการด้านนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีและเทคนิคการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว
ที่นี้ถ้าหากใครรู้แล้วว่ากระเทียมมีประโยชน์อย่างไรทุกครั้งในการทำอาหารแม้ว่าบางคนจะไม่ชอบกินกระเทียมแต่ถ้าเป็นไปได้หรือถ้าพอทนได้จะทำอาหารแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นผัดผักผัดหมูผัดเนื้อผัดไก่หรือผักประเภทใดมีกระเทียมใส่ไปสักหน่อยก็น่าจะดี แต่น้ำมันต้องไม่เยอะนะ แปลว่ากฐินมีประโยชน์อย่างไรที่นี่บางคนอาจจะอยากซื้อกระเทียมมาติดตัวไว้ แต่จะเก็บยังไงให้อยู่นานแล้วอยู่ทน
เคล็ดลับ 3 วิธี เก็บกระเทียม เพื่อที่จะนำมาประกอบอาหารไทยหลังไม่ยากเลย
- ถ้าซื้อปริมาณน้อยเก็บใส่ถุงเจาะรูเล็กๆ ในที่แห้ง
กระเทียมในปริมาณน้อยถ้าไม่ต้องการแช่ตู้เย็นและเก็บไม่เกิน 1 สัปดาห์ควรจะเจาะถุงเล็ก ๆ คล้ายตาข่ายให้พอระบายอากาศได้และเก็บในที่แห้งเท่านั้นให้ลมผ่านได้สะดวก อาหารเด็ด ไม่ควรเก็บในที่อับในที่ชื้นไม่ต้องปิดฝาจนแน่น เพราะกระเทียมจะดำหรืออาจเกิดขึ้นราได้ ว่าเจาะถุงละ 1 ในที่แห้งจะเน่าหรือเสียเร็ว เพราะกระเทียมสด ยังสามารถอยู่ได้
- แขวน หากซื้อปริมาณมากและซื้อแบบหัว
ถ้าซื้อในปริมาณมากหรือซื้อแบบหัวที่ยังมีก้านกระเทียมอยู่แนะนำให้หาที่แขวนให้โดนลมได้ง่าย นี่คือวิธีเก็บแบบคนโบราณที่มักจะแขวนหัวกระเทียมหรือห้อยเอาไว้ตามฝาบ้านที่มีลมผ่านได้ง่ายเมื่อจะใช้ก็สามารถใช้มือดึงหยิบออกมาทุบได้เลย เทคนิคถนอมอาหาร แต่ถ้าซื้อกระเทียมหัวใหญ่และต้องการแขวนไว้แบบนี้เก็บได้ 1-2 สัปดาห์หรือบางทีก็อาจเป็นเดือนขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมน่าจะบอกกับครอบครัวใหญ่ๆที่ใช้กระเทียมเยอะๆดีกว่า
- เก็บใส่ตู้เย็น
กระเทียมที่จะเก็บใส่ตู้เย็นห้ามล้างเด็ดขาดห้ามโดนน้ำแต่อย่างใดและให้เก็บในกล่องที่แห้งหรือในถุงที่ให้ปิดสนิทมิดชิด ถ้าจะให้ดีแบ่งกระเทียมเอาไว้ ในปริมาณที่หยิบใช้ได้สะดวกในแต่ละครั้งเพราะถ้าจะเก็บในตู้เย็นในระยะเวลายาวนานก็ไม่อยากให้เปิดปิดฝาเขาออกไปบ่อยๆเนื่องจากอาจจะมีความชื้นหลุดรั่วลงไปได้
หลังจากนี้ไปคงจะมีหลายคนอยากซื้อกระเทียมมาปรุงเป็นอาหารกันมากขึ้น เพราะมีประโยชน์และเก็บง่าย อย่างไรก็ขอให้คำนึงถึง การทำอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพกันด้วยนะทุกคน
อาหารไทยชาววัง จากบทประพันธ์กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานที่ยังหากินได้ในปัจจุบัน
อาหารไทยอีกหนึ่งประเภทที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมการกินของประเทศไทยคือ อาหารไทยชาววัง ในอดีตเป็นอาหารที่ตั้งสำรับเฉพาะพระมหากษัตริย์ไทยเท่านั้นและเป็นอาหารที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิตของชาววังในโบราณในปัจจุบันนี้อาหารไทยประเภทนี้ยังคงได้รับการอนุรักษ์และสามารถรับประทานได้ในร้านอาหารไทยและ โรงแรมชั้นนำทั่วไปรับว่าเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งในประเทศไทยอีกทั้งยังมีบทประพันธ์ที่กล่าวถึงอาหารไทยต่างๆเรามาลองดูกันว่าอาหารไทยประเภทใดบ้างที่อยู่ในบทประพันธ์เหล่านั้นที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน
ขอแนะนำ 4 เมนู อาหารไทยชาววัง ในแบบโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- แกงมัสมั่น ต้องยอมรับกันว่าแกงชนิดนี้แหละหลายคนรู้จักมาจากบทประพันธ์กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวานซึ่งแกงชนิดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากแกงในประเทศอินเดียเป็นแกงที่มีเครื่องเทศ พี่ทำมาจากที่ราผักชีมีรสชาติ เปรี้ยวหวานและไม่เผ็ดมากนักแต่ดั้งเดิมมันจะทำด้วยเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อวัวหรือเนื้อไก่ซึ่งในปัจจุบันนี้มีการดัดแปลงแกงมัสมั่น อาหารอร่อย รูปแบบทั้งแกงแบบใส่หมูและเปลี่ยนการใช้มันฝรั่งด้วยการใช้ผลไม้เช่นอื่นเข้ามาใส่เป็นการประยุกต์อาหารให้เข้ากับยุคสมัยและแกงมัสมั่นนี้ยังเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นแกงที่อร่อยที่สุด
- ขนมจีบไทยเป็นขนมที่ทำด้วยแป้งและจับจีบซึ่งมักจะปั้นให้มี รูปทรงคล้ายคลึงกับตัวนกและให้ทำมาจากหมูผัดกับเครื่องเล่นนานาชนิดที่มีลักษณะหวานเค็มเป็นอาหารว่าง อาการเพื่อสุขภารองท้องที่สามารถกินได้เรื่อยๆ อีกครั้งในปัจจุบันยังเป็นอาหารที่สามารถหารับประทานได้ในร้านอาหารไทยเพราะว่ามีรสชาติที่อร่อยและรูปลักษณ์สวยงาม
- ช่อม่วง เป็นอาหารว่างประเภทหนึ่งที่มีไส้ที่ผัดมาจากเนื้อหมูสับถั่วและหัวไชโป๊มีรสหวานเค็มและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามคล้ายดอกไม้ที่เป็นแป้งผสมกับน้ำดอกอัญชันทำให้แป้งนั้นมีสีม่วงอัน ขนมไทย เป็นเอกลักษณ์ของอาหารชนิดนี้ ทำให้เห็นว่าในสมัยก่อนมีการประดิษฐ์ประดอยอาหารให้สามารถกินแล้วอร่อยทั้งรูปรสกลิ่นเป็นทั้งอาหารตาและอาหารในท้อง
- ยำใหญ่เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งซึ่งมีวัตถุดิบแตกต่างจากยำในสมัยนี้เพราะว่ามีวัตถุดิยค่อนข้างมากทั้ง หัวหอมใหญ่ แตงกวา ใบขึ้นฉ่าย ไข่ไก่ต้มสุก งาขาว ถั่วลิสง กุ้งต้ม แล้วมาคลุกกับน้ำยำที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะซึ่งจะแตกต่างกับรสชาติ ยำในปัจจุบันที่เน้นไปทางเปรี้ยวหวานแต่ยังเป็นสมัยก่อนจะมีรักชาติรสชาติกลมกล่อม อาหาร เรียกน้ำย่อย ที่มีความประณีต รับประกันว่าใครได้กินเมนูยำใหญ่นี้จะติดใจในรสชาติที่มีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์อย่างแน่นอน
จริงๆแล้วเมนูอาหารในกาพย์เห่เรือเครื่องคาวหวานยังมีอีกมากมายมากกว่านี้แต่ในปัจจุบันก็มีเท่านี้ที่ยังคงหารับประทานได้ง่ายจากร้านอาหารทั่วไปแต่ในเมนูอื่นอาจจะต้องทำเองซึ่งเป็นเมนูที่มีความพิถีพิถันและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทยและต้องการอาหารไทยการเริ่มอ่านกาพย์เห่เรือเครื่องคาวหวานและนำไปปรุงอาหารก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะเป็นการอนุรักษ์อาหารไทยให้สืบต่อไป
5 เมนูอาหารเหนือสไตล์ล้านนา ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล
อาหารไทยสไตล์ล้านนาที่มีเอกลักษณ์ 5 เมนูอาหารเหนือสไตล์ล้านนา ที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศในหลายชนิดยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทยเพราะว่าเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย แม้ว่าจะเป็นอาหารที่หารับประทานได้ยากในเมืองกรุงแต่ก็ทำให้ใครหลายๆคนไม่ย่อท้อในการหาอาหารเหนือมารับประทานเพราะว่าเป็นอาหารที่มีความอร่อยและมีเอกลักษณ์ อีกทั้งในบางคนกินแล้วยังสามารถคลายความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนได้เราลองมาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่เป็นอาหารเหนือสไตล์ล้านนาที่ได้รับความนิยมตลอดกาล
ขอแนะนำ 5 เมนูอาหารเหนือสไตล์ล้านนา ที่มีความอร่อยและมีเอกลักษณ์
- ข้าวซอย
เป็นอาหารพื้นเมืองล้านนา อาหารเด็ด ที่ผสมผสานวัฒนธรรมการกินของหลายๆชนชาติในแถบเอเชียเช่น พม่า อินเดียจีน เป็นอาหารที่มีลักษณะคล้ายเส้นบะหมี่ ราดด้วยน้ำแกงที่ทำจากกะทิ ผสมเครื่องแกงที่มีความหอมเฉพาะตัวและใส่เนื้อสัตว์ตุ๋นเปื่อยมักจะเป็นเนื้อวัวและเนื้อไก่รับประทานร่วมกับหัวหอมใหญ่ผักกาดดอง และเพิ่มรสชาติด้วยน้ำพริกเผา จะเห็นได้ว่าเมนูข้าวซอยนี้ก็คล้ายๆกับบะหมี่ลักซาในประเทศมาเลเซีย นับว่าเป็นวัฒนธรรมการกินของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้
- แกงฮังเล
เป็นแกงชิ้นหนึ่งที่จะรับอิทธิพลมาจากประเทศพม่ามีความโดดเด่นในจังหวัดภาคเหนือ อาหารท้องถิ่น ทุกจังหวัดมักจะเป็นเมนูหลักในการ ใช้ทำบุญถวายพระ ทุกงานลักษณะของแกเป็นแกงน้ำขลุกขลิก ใส่หมูสามชั้นตัดกลิ่นด้วยขิงซอยตุ๋นจนเปื่อยด้วยเครื่องแกงที่มีกลิ่นหอมเฉพาะจากพม่าวัฒนธรรมการกินเครื่องแกงนี้มาจากประเทศอินเดียอีกทีหนึ่ง มีรสชาติเข้มข้น หอมเครื่องเทศ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและเครื่องเทศชนิดนี้จะหาซื้อได้เฉพาะทางเหนือเท่านั้น
- ไส้อั่ว
เป็นอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่ออีกประเภทหนึ่งซึ่งมีความคล้ายคลึงกับไส้กรอกของชาวตะวันตกซึ่งเป็นการนำเนื้อหมูสับคลุกเครื่องเทศและเครื่องแกงยัดเข้าไปใน ไส้หมู และนำไปย่างไฟอ่อนๆ นับว่าเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อ สามารถรับประทานได้ทั่วไป ซึ่งมามักจะมาใน การจัดอาหารเป็นชุดที่เรียกว่าออเดิร์ฟเมือง ที่ประกอบไปด้วย ไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม ที่ใครไปเยือนจังหวัดทางภาคเหนือรับประกันว่าจะต้องทานเมนูไส้อั่วอย่างแน่นอนอีกครั้งในปัจจุบันนี้ใช้ตัวยังได้รับความนิยมแพร่หลายสามารถหาซื้อได้ง่ายว่าเป็นเมนูยอดนิยม ที่หลายๆคนชอบรับประทาน
- ลาบคั่ว
มีลักษณะคล้ายคลึงกับลาบทางภาคอีสานแต่จะแตกต่างตรงที่ทางภาคเหนือจะนำไปคั่วและใส่มะแขว่นซึ่งเป็นเครื่องเทศพื้นเมืองเฉพาะภาคเหนือให้กลิ่นหอม ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเผ็ดร้อนเล็กน้อย ให้ความแตกต่าง จัดรถชั้นล่างภาคอีสานที่มีความเปรี้ยวเผ็ดเค็ม ลาบคั่วจากภาคเหนือจะมีกลิ่นหอมจากมะแข่วนที่เป็นเครื่องเทศมากกว่าจึงทำให้หลายคนติดใจในรสของลาบคั่วเส่วนเนื้อสัตว์นั้นสามารถทำได้ทั้งจากเนื้อหมูเนื้อวัวและเนื้อไก่ตามความชื่นชอบของผู้รับประทานและที่สำคัญลาบคั่วนี้จะไม่ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวซึ่งแตกต่างจากลาบของภาคอีสานอย่างชัดเจน
- ผักกาดจอ
เป็นอาหารประเภทแกงชนิดหนึ่งที่มีรสชาติเปรี้ยวเค็ม และเผ็ดเบาๆ มีวัตถุดิบหลักมาจากผักกวางตุ้งที่กำลังดออกดอกหมูสามชั้น หรืกระดูกหมู ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและกะปิ ปลาร้าและเติมความเปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก เพิ่มความเผ็ดด้วยใส่พริกแห้งเป็นเม็ดเข้าไปเล็กน้อยมีรสชาติเข้มข้นเป็นอีกหนึ่งเมนูพื้นบ้าน อยากได้รับประทานโดยทั่วไปและอีกไป เป็นเอกลักษณ์ของอาหารพื้นเมืองภาคเหนือ
อาหารประจำท้องถิ่นแต่ละภาคของประเทศไทยก็มีอาหารยอดนิยมของแต่ละภูมิภาคซึ่งอาหารการกินในประเทศไทยก็ไม่แตกต่างกันมากนักเพราะมีความผสมผสานทางวัฒนธรรมทางการกินอีกทั้งยังเป็น อาหารที่อร่อยครบรสเปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ดจึงทำให้เป็นอาหารที่สามารถรับประทานได้ทุกวันโดยไม่รู้จักเบื่อ
หมูผัดกะปิ เป็นอาหารใต้ซึ่งมีความอร่อยที่ลงตัวนิยมรับประทานกันมากที่สุด
หมูผัดกะปิ นั้นถือเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางภาคใต้ชนิดหนึ่ง ที่นำวัตถุดิบพื้นบ้านอย่างกะปินำไปผัดเข้ากับเนื้อหมู จึงเกิดเป็นเมนูหมูผัดกะปินี้ขึ้นมา และหากได้ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ รับรองว่าจะต้องมีตักข้างเพิ่มเป็นจานที่สองอย่างแน่นอน เพราะด้วยรสชาติที่เข้มข้นจากตัวกะปิ ที่นำไปผัดกับหมูและวัตถุดิบชนิดอื่นนั้น มันเลยทำให้อาหารจานนี้กลายเป็นอาหารที่ชาวบ้านในภาคใต้นิยมรับประทานกันมากที่สุดอีกเมนูหนึ่งเลย
แจกสููตรการทำเมนู หมูผัดกะปิ ให้หอมอร่อยหน้าทานเหมือนภาคใต้แท้ ๆ
แล้วหากใครที่อยากจะลองชิมก็สามารถสันหาวัตถุดิบมาลองผัดกันเองได้เลย ซึ่งวัตถุดิบในการทำ อาหารเด็ด หมูผัดกะปิก็มีดังต่อไปนี้ เนื้อหมู กะปิประมาณ 1 ช้อนชา ตะไคร้ซอยและใบมะกรูดซอย หอมแดงซอย กระเทียมซับสักหนึ่งหยิบมือ และ พริกแดงที่เราเลือกความเผ็ดตามใจชอบ โดยวิธีในการทำนั้นก็เริ่มจากนำกะปิไปตำพร้อมกับตะไคร้ ใบมะกรูดซอย หอมแดงซอย หลังจากนั้นก็ให้ใส่พริกแดงที่เราเตรียมไว้ใส่ลงไปตำให้เข้าด้วยกัน เมื่อได้ที่ก็ให้ตักขึ้นมาพักเอาไว้
และเมื่อเราตำวัตถุดิบทุกอย่างเข้ากันแล้ว ก็ให้ตั้งกระทะใส่น้ำมันรอให้กระทะร้อน แล้วใส่กระเทียมที่เราสับเอาไว้ใส่ตามลงไป เมื่อกระเทียมพอได้ที่แล้ว ก็ให้ใส่เนื้อหมูลงไปผัดได้เลย แล้วเมื่อดูว่าเนื้อหมูนั้นใกล้จะสุกแล้ว ก็ให้เราใส่กะปิที่เราตำไว้ลงไปผัดกับเนื้อหมูในกระทะต่อจนเนื้อหมูนั้นสุก และปรุงรสชาติที่เราชื่นชอบลงไปได้เลย ไม่ว่าจะรสหวานหรือเค็มก็เลือกได้ตามใจเรา ว่าเราอยากจะให้หมูผัดกะปิ กับ เมนู คั่วกลิ้งหมู ที่เราได้ผัดกับมือนั้นออกมารสชาติเป็นแบบไหน
แล้วเมื่อหมูผัดกะปินั้นได้ที่แล้ว เราก็ตักขึ้นมาใส่จานพร้อมทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ที่เราได้เตรียมไว้ รับรองว่าฝีมือที่เราได้ผัดนั้นก็อร่อยไม่แพ้กับที่ร้านเขาทำกันเลย อีกทั้งเนื้อหมูนั้นก็สามารถเลือกใส่ได้ตามปริมาณตามที่เราต้องการอีกด้วย และถึงแม้มันจะเป็นเมนูที่ดูบ้าน ๆ แต่ก็มีความอร่อยที่ลงตัวในแบบของมันนั่นเอง
แจ่วฮ้อน ต้นตำรับความอร่อยจากแดนอีสานใใครได้กินต้องติดใจ
แจ่วฮ้อน ถือเป็นอาหารอีสานชนิดหนึ่งที่มีรสชาติจัดจ้านอยู่ในตัว อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ใครหลาย ๆ คนก็ยกให้เป็นเมนูในดวงใจอีกด้วย เพราะด้วยความอร่อยของมันที่ทำให้ใครที่ลองชิม ก็อยากจะกลับไปหามาทานอีก ซึ่งแจ่วฮ้อนนั้นก็เปรียบเหมือนต้มยำที่เป็นอาหารของภาคกลาง แต่จะมีความแตกต่างก็ตรงที่เราสามารถนำมาต้มเป็นหม้อไฟและใส่เนื้อสัตว์ที่เราชอบลงไปได้
แจ่วฮ้อน สุกกี้แห่งแดนอีสาน หอมอบอวนไปด้วยเครื่องของสมุนไพร
และแจ่วฮ้อนก็ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ สุกกี้แห่งแดนอีสาน เพราะเวลาที่เราจะรับประทานอาหารชนิดนี้นั้น ก็ต้องใส่น้ำซุปและพวกเครื่องเคียงลงไปในหม้อด้วย อีกทั้งยังมีน้ำจิ้มรสเด็ดที่เป็นตัวชูโรงที่ทำให้อาหารชนิดนี้ อร่อยจนเราวางช้อนไม่ลงเลย และรวมไปถึงสมุนไพรนานาชนิดก็อัดแน่นรวมอยู่ในหม้อนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ที่ทำให้รสชาติของน้ำซุปแจ่วฮ้อนลงตัวอย่างบอกไม่ถูกเลย
แล้วหากใครที่อยากจะได้ความเข้มข้นของน้ำซุป ชาบู เปิดตีคู่ 7-11 เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มเข้าไปอีก ก็สามารถใส่น้ำจิ้มซอสมะขามเพิ่มลงไปได้เลย เพราะมันจะทำให้ตัวน้ำซุปนั้นมีความกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น และเมื่อเราใส่พวกเครื่องเคียงลงไปอย่าง เนื้อหมู เนื้อไก่ หรือ พวกกุ้งปลาหมึก ก็จะทำให้หมอนี้กลายเป็นความอร่อยที่ลงตัว เนื่องจากว่าความหวานของพวกเนื้อสัตว์ที่เราได้ใส่ลงไปนั้น มันจะไปคลุกเคล้ากับรสชาติที่จัดจ้านของน้ำซุปนั่นเอง
อีกทั้งแจ่วฮ้อนก็ยังเป็นอาหารอีสานอีกชนิดหนึ่ง ที่คนไทยนั้นก็นิยมรับประทานกัน เพราะด้วยรสชาติที่ถูกปากและเต็มไปด้วยความอบอวนของสมุนไพร จึงทำให้แจ่วฮ้อนเป็นอาหารที่สามารถหาทานได้ทุกภาค ไม่ว่าจะไปจังหวัดไหน เราก็จะเห็นเมนูนี้มีขายในร้านส้มตำทั่วไป หรือ ร้านอาหารไทยที่ชื่นชอบในเรื่องของความหลากหลายของอาหาร ก็มักจะมีเมนูนี้อยู่ในร้านด้วย
แกงเทโพหมูย่าง สูตรแกงแบบเข้นข้นน่าทานอาหารสมัยคนรุ่นเก่า
แกงเทโพหมูย่าง เป็นแกงโบราณมาตั้งแต่สมัย รุ่นปู่รุ่นทวด เป็นแกงที่น่าทำทานมากค่ะ เด็กบางคนรุ่นใหม่ไม่รู้จักด้วยซ้ำแต่บอกก่อนเลยว่าแกงเทโพหมูย่าง อร่อยมากหอมด้วยกะทิ และมีความเปรี้ยวของแกง เมื่อตอนแอดเป็นเด็กๆ ยายชอบทำให้ทานค่ะ แต่เป็นแกงเทโพหมูสามชั้น แอดก็กินจนเกือบหมดหม้อทุกทีพอโตมาหน่อย แอดไปเจอ แกงเทโหมูย่าง ซึ่งคนรุ่นใหม่เอามาดัดแปลงคือใส่แทนหมูสามชั้น แอดลองทำทานก็อร่อยไม่แพ้กับแกงเทพโพหมูสามชั้นเลยค่ะ แกงโบราณน่าทานแบบนี้อย่าทอ้งไว้ให้เป็นแค่ชื่อนะค่ะ อย่ากให้คนรุ่นใหม่ทำเป็น แอดเลยมารีวิวขั้นตอนการทำให้ด่ะ
เคล็ดลับการทำ แกงเทโพหมูย่าง ให้อร่อยเหมือน รุ่นปู่รุ่นทวด
วัตถุดิบการทำ อาหารเด็ด แกงเทโพหมุย่าง แกงโบราณมีดังนี้ค่ะ
- หมูย่างหั้นเป็นชิ้นพอดีคำ ปริมาณ 300 กรัม
- เกลือป่น ปริมาณ 1 ถึง 4 ช้อนชา
- น้ำพริกแกงที่คั่วแล้ว ปริมาณ 130 กรัม
- กะทิปริมาณ 1,200 มิลลิลิตร
- ผักบุ้ง หั่นเป็นท่อนๆ พอดีคำ ปริมาณ 300 กรัม
- ใบมะกรูด 7 ใบ
- น้ำมะขามเปียกปริมาณ 4 ถึง 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ ปริมาณ 2ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลแท้ปริมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
- มะกรูด 1 ลูก (ฝาครึ่งให้เรียบร้อย)
วิธีทำแกงเทโพหมูย่าง แกงโบราณมีขั้นตอนการทำดังนี้
- นำหมูไปย่าง เสร็จแล้ว ตั้งกระทะ ด้วยไฟอ่อนๆ นำกะทิที่เตียมใส่ลงไป ประมาณ 300 มิลลิลิตรแล้วตามด้วยพริกแกงลงไปผัดด้วยไฟอ่อนๆ ผัดไปเรื่อยๆ ให้มีสีแดงแล้วจึงค่อยเติมกะทิไปอีกผัดไปเรื่อยๆ อย่าให้เป็นก้อนๆ ตามด้วยผักบุ้งแล้วเปิดไฟแรงเร่งให้เดือดจนน้ำแกงท่วมล้นผัก จากนั้นใส่หมูย่างตามด้วยซอสปรุงรสที่เตรียมไว้ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลามะขามเปียก (ทำไปชิมไปไม่ถูกใจก็เพิ่มลดตามที่ต้องการได้เลยค่ะ) สูตรแกงเทโพ แกงโบราณต้องมีการใส่มะกรูดลงไปด้วยค่ะ และบีมน้ำมะกรูดเพิ่มความหอม ตามด้วยฉีกใบมะกรูด ไปในหม้อเลยค่ะ จะได้ความหอมซ่อนเปรี้ยวของแกงเทโฟหมูย่าง แกงโบราณ อร่อยแน่นอนค่ะ ดูว่าทุกอย่างสุกแล้วตักใส่จานพร้อมทานกับข้าวสวยได้เลลยค่ะ
- ดูรีวิวขั้นตอนการทำกันไปแล้ว อยากทำทานกันหรือยังค่ะ บางคนอยากทำแกงเทโพใส่หมูสามชั้นก็แค่เปลี่ยนจากหมูย่างเป็นหมูสามชั้นได้เลยค่ะ ขั้นตอนการทำเหมือนกันทุกอย่างค่ะ ลองทำทานให้คนที่บ้านคนเถ้าคนแก่รับรองถูกใจท่านแน่นอนค่ะ เชื่อแอดได้เลยค่ะต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุน จาก ฟาโร ที่เทคนิคการทำเมนูอาหารให้อร่อยด้วยดีเสมอมาและยังเป็นเว็ยที่สามารถเล่นเกมง่ายได้ทุกค่ายเกมได้ด้วยนะ
แกงจืดมะระยัดไส้หมู เมนูอาหารเพื่อสุขภาพทานแล้วมีประโยชน์มาก ๆ
แกงจืดมะระยัดไส้หมู เป็นแกงจืดที่คนนิยมทำกินกัน เพราะมะระสร้างประโยชน์มากมาย สรรพคุณช่วยรักษาโลกได้ดีรสชาติมะระเป็นผักที่มีรสชาติขมแต่มีประโยชน์เหลือล้นทางการแพทย์ช่วยต้านโรค HIV ได้ และผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลสูง แต่การทานมะระก็มีผลดีและผลเสียคู่กันไป เป็นผักที่เด็กไม่ควนรับประทาน หรือผู้ป่วยที่ต้องเข้าผ่าตัดต้องงดทาน ก่อนผ่าต้องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พอจะรู้การทานมะระไว้คราวๆ กันแล้วนะค่ะ งั้นมาดูรีวิว วิธีการทำแกงจืดมะระ ยัดไส้หมู ซดร้อนๆ กับข้าวสวยสักจานก็ฟินเวอร์เลยค่ะ
เคล็ดลับการทำเมนู แกงจืดมะระยัดไส้หมู ให้น้ำซุปอร่อยไม่ขม
วัตถุดิบในเตรียม แนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ หมูยัดไส้
• หมูสับ 5 กรัม
• กระเทียมเล็กปอก 5 กลีบ
• พริกไทยป่นปริมาณ 1 ถึง 2 ช้อนโต๊ะ
• รากผักชี 1 ถึง 2 ต้น
• ซีอิ๊วขาวปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันหอยปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1 ถึง 2 ช้อนโต๊ะ
• วุ้นเส้น 1 ห่อ
วัตถุดิบ แกงจืดมะระ ยัดไส้หมู
- น้ำซุปกระดูกหมู ปริมาณ 3 ลิตร
- กระดูกหมู 4 ชิ้น
- เห็ดหอม 5 ดอก
- รากผักชี 2 ต้น
- กระเทียมปอก 4 กลีบ
- พริกไทยเม็ด 1 ซองเล็ก
- น้ำตาลทรา ขาว 1 ถึง 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว ปริมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำซุป น้ำกระดูกหมู ต้มมะระ ไปล้างให้สะอาดแล้วต้มทิ้งไว้ห้ามคนจะทำให้มีกลิ่นคาว หลังต้มเสร็จไปแล้ว 1ครั้งให้เอาน้ำออกจากหม้อและต้มอีกครั้ง 1 โดยเติมเกลือลงไปเล็กน้อยแค่นี้ก็ได้น้ำซุปกระดูกหมูแบบง่ายๆ อร่อยอีกด้วยค่ะ
วิธีทำแกงจืดมะระ ยัดไส้หมู มีดังนี้
- ให้เลือกมะระที่มีสีเขียวอ่อนๆ นูนใหญ่ๆ จะทำให้มะระไม่ขมมากเท่าไร
- เอามาผ่าเป็ยสองท่อนและขวานไส้ในสีขาวออกให้หมดลดความขมทาเกลือที่มะระ ทิ้งไว้ 20 นาทีทาเสร็จแล้ว นำไปต้ม
- ตามด้วยการทำหมูยัดไส้ นำรากผักชีและพริกไทยตำให้ละเอียด พร้อมนำหมูสับตำรวมกันไปเลยค่ะ
- ตามด้วยเครื่องปรุงรส น้ำปลา ซี้อิ๋วขาว น้ำตาลทรายและ น้ำมันหอย
- น้ำวุ้นเส้นมาตัดเป็นท่อนเล็กๆ แล้วนำหมูที่หมักไปคลุกให้เข้ากัน
- จากนั้นยัดหมูใส่ไปในมะระ ให้แน่นเลยค่ะ
- ตั้งหม้อเตรียมใส่น้ำซุปกระดูกหมู ตั้งไฟระดับปานกลาง ใส่รากผักชี พริกไทยเม็ดลงไป
- จัดใส่กระดูกหมูที่เตรียมไว้ลงไป ใส่มะระยัดไส้หมู
- ชิมรสเลือกรสที่ต้องการปรับปลี่ยนได้เลย
เป็นอันว่าแกงจืดมะระยัดไส้หมูเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ทานพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ซดน้ำซุปให้ชื่นใจไปเลยค่ะ หลังจากเล่นเกมกกับ ufa888 เล่นง่ายเล่นได้ทุกเวลา แถมมมมีเงินกลับมาเต็มกระเป๋า
แกงคั่วฟักไก่ สูตรเมนูอาหารอีสานทำทานกันได้แบบง่ายๆ
แกงคั่วฟักไก่ เมนูบ้านๆ น่าทาน พริกแกงเผ็ดและความหอมของกะทิ เป็นแกงคั่วฟักไก่ที่มีเสน่ห์ในตัว ยิ่งปลูกฝักเองบอกเลยว่ายิ่งฟินเพราะผักที่มาจากสวนหลังบ้านของเรานั้นช่วยประหยัดในมื้อนั้นได้มากเลยค่ะ ฝักสามารถประกอบอาหารได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ต้มจืดฝักไก่ ต้มจืดฝักใส่เห็ดหอมเมนูดีๆ ทั้งนั้นแกงที่มีส่วนประกอบของผักนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายมากเลยจริงๆ ค่ะ เมนูนี้ทานได้ทั้งครอบครัว แต่เด็กเล็กต้องเว้นไปก่อนค่ะเครื่องเทศมีรสเผ็ด แต่เปลี่ยนเป็นทำต้มจืดฝักในมื้อนั้นได้เลยค่ะ
เคล็บลับการทำ แกงคั่วฟักไก่ แบบเข้มข้นประโยชน์จากฝักเน้น ๆ
วัตถุดิบที่ต้องเตรียมทำ อาหารเด็ด แกงคั่วฟักไก่เมนูบ้านๆน่าทานมีดังนี้
- ฟักเขียว จำนวน 1 ลูก (เพิ่มเติมได้ขนาดคนที่รับประทาน) หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
- เนื้อไก่ ปริมาณ 1 ถ้วย (หั่นเป็นเล็กๆ ชิ้นพอดีคำ)
- พริกชี้ฟ้าจำนวน 6 เม็ด (หั่นลักษณะเฉียงๆบางๆ)
- หัวกะทิ ปริมาณ 1 ถ้วย
- หางกะทิ ปริมาณ 1 ถ้วย
- พริกแกง ปริมาณ 1 ช้อนโต้ะ
- น้ำตาลปี๊บปริมาณ 2 ช้อนโต้ะ
- น้ำปลาแท้ ปริมาณ 2 ช้อนโต้ะ
- น้ำมะขามเปียก ปริมาณ 2 ช้อนโต้ะ
- ใบโหระพา จำนวน 1 กรัม
- ใบมะกรูด จำนวน 4 ใบ (หั่นให้เป็นฟอยๆ)
วิธีทำทำแกงคั่วฟักไก่ เมนูบ้านๆ น่าทาน มีขั้นตอนการทำดังนี้
- ตั้งกะทะเปิดไฟระดับปานกลาง นำพริกแกงเผ็ดและหัวกะทิลงไปผัดในกะทะให้กะทิค่อยๆ ให้แตกมันออกมา
- พอกะทิแตก และพริกแกงส่งกลิ่นหอมให้ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้สุก ตามด้วยฝักเขียวลงไปผัดตาม
- จากนั้นใส่กะทิลงไปเสริมด้วยเครื่องปรุงรสน้ำตาลปี๊บ มะขามเปียกและน้ำตาล แต่งเติมด้วยรสที่ชอบขาดอะไรปรุงตามใจชอบได้เลย
- พอรสได้ที่แล้วเตรียมใส่ใบมะกรูดและโหระพาพอส่งกลิ่นหอมปิดท้ายด้วยพริกขี้หนูสวนต้มไปอีกสักพักเพราะรสได้ที่แล้ว เป็นอันเสร็จตักใส่ถ้วยพร้อมเสริฟ์ได้เลยค่ะ คู่กับเมนู แกงหมูเทโพ อาหารไทยน่าทานได้นะ
เคล็บการทำแกงคั่วฟักไก่ เมนูบ้านๆ น่าทานก่อนเริ่มเล่นเกม ufabet1688 สำหรับเมนูแกงคั่วฟักไก่ มีไม่กี่อย่างค่ะ การเลือกซื้อวัตถุดิบในการทำ การเลือกเนื้อไก่ต้องเลือกไก่ที่สด ไม่มีสีเขียวติดเพราะจะทำให้คาวและมีกลิ่นเวลารับประทาน และการเลือกใช้หัวกะทิ ต้องเป็นกะทิที่สดใหม่เท่านั้น การปรุงรสด้วยรสเปรี้ยวเมนูนี้ห้ามใช้มะนาวให้ใช้ มะขามเปียกแทนเพราะมะขามเปียกจะมีรสหวานและเปรี้ยวในการปรุงครั้งเดียวค่ะ ทำให้เมนูแกงคั่วฟักไก่ หอมน่าทานมากเลยค่ะ รู้เคล็บลับแล้วลองไปทำตามกันนะค่ะ
สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ ช่วงควบคุมอาหาร ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน
สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ นับว่าเป็นฝันร้ายอย่างมาก สำหรับใครก็ตามที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมอาหาร ลดความอ้วน หรือเวทเทรนนิ่ง เป็นต้น ต่างได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ชีวิตประจำวันในการออกกำลังต้องสะดุด ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ หรือฟิตเสต่างถูกปิด จนทำให้ใครหลาย ๆ คนที่กำลังดูแลสุขภาพต้องหมดโอกาส รวมถึงร้านอาหารคลีนโปรดก็ต้องปิดตัวลง และขายเดลิเวอรี่แทน ทั้งยังมีราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นบทความนี้ของอาสาแนะนำทางออกที่พอสามารถช่วยได้ท่ามกลางวิกฤตนี้ด้วยสูตรอาหารเพื่อสุขภาพที่สามารถทำกินเองที่บ้านได้ง่าย ๆ และดูดีไม่แพ้กินที่ร้าน
ขอแนะนำ 2 เมนู สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ เอาใจคนที่กำลังลดความอ้วน หรือคนรักสุขภาพ
โจ๊กไก่ปั่น หรือฉีก
ส่วนประกอบโจ๊กไก่
1. แนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ การเตรียม ข้าวสวย หรือข้าวหอมมะลิ ½ ถ้วย 2.อกไก่ 500 g 2 ชิ้น 3.น้ำเปล่า(ต้ม) 3-5 ถ้วย 4.ผักสำหรับ ท็อปปิ้งเช่น ขิง ต้นหอม ผักชี 5.ไข่ต้ม 6.ซีอิ๊วขาว 7.เกลือ
ขั้นตอนการทำโจ๊กไก่
1.ตั้งหม้อใส่น้ำสำหรับต้มข้าวสวยให้นิ่มนิ่มกว่าเดิม(หมั่นคน และเติมน้ำกันแห้ง) ให้มีลักษณะใกล้เคียงกับโจ๊ก ตักขึ้นพักข้าวไว้
2.ระหว่างรอต้มข้าวให้นิ่ม ต้มไก่ให้สุกพร้อมปลุกด้วยเกลือเล็กน้อย เมื่อไก่สุกตักไก่ขึ้นพักไว้ (น้ำต้มไก่อย่าทิ้ง)
3.นำไก่ที่ต้มสุกแล้วนำมาฉีกให้เป็นเส้น พร้อมนำไปคลุกน้ำต้มไก่เพื่อเพิ่มความชุ่มฉ่ำ
3.1 หากต้องการรับประทานไก่ในรูปแบบั่น นำไก่ลงเครื่องปั่น พร้อมใส่น้ำต้มไก่ลงไปในเครื่องปั่น
3.2 สามารถกินแบบชิ้น และปั่นปนกันได้
4.เมื่อฉีกไก่และปั่นไก่เสร็จเรียบร้อย นำไปราดบนข้าวที่ต้มสุกแล้ว
5.ท๊อปปิ้งด้วยขิง ไก่ผัดขิง และผัดโรยหน้าต่าง ๆ พร้อมปรุงรสด้วยพริกไทย และซีอิ๊วขาว
เครปเบอร์รี่จากเวย์โปรตีน หรือผลโปรตีน
สำหรับสายคุมอาหารของหวานถือเป็นของต้องห้าม แต่บทความนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังด้วยเมนูสุดเซอร์ไพร์สอย่าง เครปเวย์โปรตีนพร้อมด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ไว้ทานในยามหิวหลังจากเล่นเกม ufabet9999 เล่นง่ายได้ทุกเวลา
ส่วนผสมเครปเบอร์รี่
1.แป้งโฮลวีต 2.เวย์โปรตีน รสตามชอบ แนะนำมอคค่า 3.โนกิร์ตไขมันน้อย(Non-Fat) 4.ไข่ขาว 5.ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และมะม่วงสถก
ขั้นตอนกันทำเครปเบอร์รี่
1.นำเวย์โปรตีน แป้งโฮลวีต และไข่ขาวพร้อมตีให้เข้ากัน บนกระทะไฟอ่อนจนแป้งสุกดี (กลับด้านหรือไม่ก็ได้)
2.นำโยเกิร์ต และผลไม้ต่าง ๆ ทำเป็นไส้เครป และท็อปด้วยมะม่วงสุก พร้อมรับประทาน